Attention!

อ่านก่อนนะ >> "กาลามสูตร" -- จะได้มีสติระวัง ไม่เผลอพลั้งหลงป่าเวลาอ่านบล็อกนี้ (^_^)

Thursday, May 25, 2017

การประชุมหารือ กรณี ผู้ป่วยฝังแร่รักษามะเร็ง ที่ รพ.รักษามะเร็ง ฟูด้า (FUDA)

การประชุมหารือ กรณี ผู้ป่วยฝังแร่รักษามะเร็ง ที่ รพ.รักษามะเร็ง ฟูด้า (FUDA)

ข้อความจากเพื่อนแพทย์ CU.10 ส่งมา

เรียนทุกท่าน...

วันนี้ท่าน รวช. / อ.เทียม/ อธิบดีกรมแพทย์/ อธิบดีกรมวิทย์ฯ/ ผอ.สถาบันมะเร็ง/ อ.สุรศักดิ์/ ราชวิทยาลัยรังสี / อาจารย์จากศิริราช และอาจารย์แพทย์หลายท่าน เข้าร่วมให้ข้อมูลในส่วนของการควบคุมโรคที่ด่านฯ

ประชุมหารือ กรณี ผู้ป่วยฝังแร่รักษามะเร็ง สรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้

สถานการณ์

- มีการโฆษณา เรื่องการรักษามะเร็ง ที่โรงพยาบาลรักษามะเร็ง ฟูด้า (FUDA) ที่กว่างโจว เมืองจีน อย่างหนัก มีการเปิด front desk ที่กรุงเทพ และมีแพทย์ชาวจีน ให้คำแนะนำ มีการโฆษณาทางทีวี อินเตอร์เน็ต และสื่อต่างๆ มากมาย รวมทั้งมีการโฆษณาว่ารักษามะเร็งฟรี เพื่อเฉลิมพระเกียรติ อีกด้วย !

- มีคนไทย ที่ป่วยเป็นมะเร็ง สนใจเข้าไปรักษาจำนวนมาก คาดประมาณว่ามีมากกว่า 500 คน มีการจัดบริการบินไปส่งเพื่อรักษาที่เมืองจีน และพากลับมาเมืองไทย

- แร่ที่ฝังคือ I-125 มีค่า Halflife 60 วัน

ข้อเท็จจริง

- การฝัง I-125 ที่มีหลักฐานยืนยันว่ามีประโยชน์ คือใช้รักษามะเร็งในระยะเริ่มต้น เช่น early stage CA prostate เท่านั้น

- แต่ รพ.FUDA ฝังแร่ ทุกมะเร็ง ทุกระยะ เช่น ถ้ามี metastatic ไป ปอด กระดูก ท้อง สมอง ก็จะนัดผู้ป่วยไปฝังแร่หลายครั้ง จนผู้ป่วยเสียชีวิต!

- รพ.ศิริราช แจ้งว่า มีผู้ป่วยหลายราย มีปริมาณรังสี แพร่กระจายออกมาทางผิวหนังมาก เนื่องจากฝังแร่หลายจุด!

- บุคลากรทางการแพทย์ของไทย expose ต่อ I-125 เนื่องจาก ผู้ป่วยไม่บอก หมอผ่าตัดหลายรายสัมผัสโดยไม่รู้ตัว

- คนในครอบครัวมีโอกาสสัมผัส ได้

- ไม่สามารถดำเนินการกับ รพ.FUDA ได้ เนื่องจาก ผู้ป่วยไปรักษาที่จีน แพทย์สภา ไม่สามารถทำอะไรได้

- ฝังแร่ I-125 แล้ว เอาออกไม่ได้

- เมื่อผู้ป่วยเสียชีวิต กัมมันภาพรังสียังอยู่ในศพ และเถ้ากระดูก

- แพทย์ไทยไม่รู้จัก ภาพ x-ray หมอรังสีบางคนยังอ่านไม่ได้

- ห้าม ผู้ป่วย เดินทางทำได้ยาก ตรวจจับที่สนามบินทำไม่ได้

ท่าน รมช. สั่งการดังนี้ครับ
1. มอบ กรมวิทย์ แจ้ง รพ.FUDA และ IAEA และขอรายชื่อ ผู้ป่วยที่เดินทางไปรักษา ที่จีน
2. มอบ กรมแพทย์ ออกมาตรการดูแลผู้ป่วยในประเทศ เตือนประชาชน และจัดทำ App.รู้ทันมะเร็ง
3. มอบ กรมสนับสนุน ประเด็นเรื่องการโฆษณา
4. มอบ ราชวิทยาลัยรังสี ปรึกษาทางวิชาการกับ WHO ประเด็น Nuclear hazard ตาม Potential PHEIC-IHR และข้อมูลผลกระทบในต่างประเทศ
5. มอบ เลขา เตรียมประเด็น สื่อสาร + แถลงข่าวร่วมกับราชวิทยาลัย (ประเด็น Unaccept practice / Safety issue/ แนะนำดูแลผู้ป่วยเก่า / แนะนำป่วยใหม่ที่จะเดินทางไปรักษา/ และ กระทรวงสาธารณสุข ว่าจะทำอะไร)

_[Link ข่าวเป็นเรื่องที่ค้นหามาประกอบภายหลัง]_
http://www.thairath.co.th/content/497035

Wednesday, May 24, 2017

ตามความเรู้ของศาสตร์จีน ฮวงจุ้ยหรือที่อยู่อาศัยดี มีผลกับความสำเร็จ 33%...

ตามความเรู้ของศาสตร์จีน ฮวงจุ้ยหรือที่อยู่อาศัยดี มีผลกับความสำเร็จ 33% เลขที่บ้านก็เกี่ยวข้องและส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนภายในบ้านได้เช่นกัน (มิได้มีผลกับเจ้าของบ้านถ้ามิได้อาศัยในบ้านหลังนั้น)
http://www.sinsaehwang.com/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%82%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82-%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD/

Monday, May 22, 2017

กลุ่มแพทย์ศิริราชรุ่น 103 เปิด websiteให้ทุกคนสามารถโพสท์ปรึกษาหารือโรคภัยไข้เจ็บได้แล้วรวม 16 สาขา:

กลุ่มแพทย์ศิริราชรุ่น 103 เปิด websiteให้ทุกคนสามารถโพสท์ปรึกษาหารือโรคภัยไข้เจ็บได้แล้วรวม 16 สาขา:
โดยมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะในสาขาต่างๆเกือบ 20 ปี จำนวน 10 กว่าท่าน ที่ว่างหลังจากลงเวรตรวจ คอยให้คำปรึกษา ไม่ต้องไปพึ่งอากู๋(เกิ้ล) ที่มีข้อมูลเยอะแตกต่าง
กันจนไม่รู้จะเชื่ออันไหนดี

คุณหมอตัวจริงอย่าง น.พ.อดุลย์ชัย ธรรมาแสงเสริฐ หรือ หมอเกมส์ แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมและศัลยกรรมตกแต่ง

เห็นวัฒนธรรมการแชร์ข้อมูลทางการแพทย์ทางสุขภาพต่างๆในไลน์ในเฟส ฯ ที่บิดเบือน ไม่ได้มีการรับรองทางการแพทย์ ซึ่งแน่นอนว่า เป็นข้อมูลที่แฝงประโยชน์ทางพาณิชย์ ถูกแชร์กันในโลกโซเชียลกันมาก ทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจผิด ผมกับเพื่อนเราเองร่ำเรียนมาตั้ง12ปี
ความรู้ก็มีไม่น้อย และผมก็มีใจรักทางจิตอาสาเป็นทุนอยู่แล้ว ก็ร่วมกับเพื่อนหมอศิริราช รุ่น103 มาตอบคำถาม ให้ความรู้ทางการรักษาที่ถูกต้องแก่ประชาชน โดยไม่ต้องเสียสักบาทเดียว ก็คือที่มาของชื่อเพจนั่นล่ะครับด้วยสโลแกนที่ว่า

ปรึกษาด้วยใจ..ไม่ใส่ใจค่าตอบแทน

เว็บไซต์ www.sosspecialist.com

มีคุณหมอผลัดเปลี่ยนกันมาพูดคุยกับทั้งคนไข้และญาติ แบ่งออกเป็นห้องตรวจเฉพาะทางตามกลุ่มโรคทั้งหมด 16 ห้อง คือ

1. อายุรกรรม
2. ศัลยกรรม
3. โรคเด็ก
4. สูตินารีเวช
5. กระดูกและข้อ
6. กายภาพบำบัด
7. จิตเวช
8. ตา
9. ทันตกรรม
10. ผิวหนัง
11. รังสีวินิจฉัย
12. มะเร็ง
13. หู คอ จมูก
14. เภสัชกร
15. แพทย์แผนจีน
16. โภชนาการ

ถ้าสงสัยเรื่องอะไรก็เข้าไปโพสถามคุณหมอประจำห้องตรวจได้เลย เป็นส่วนตัวคำถามเหล่านี้ ถามกันได้ทุกเรื่องไม่ต้องเม้ม หรือหากอยากแชร์ประสบการณ์กับสมาชิกคนอื่นก็ไปตั้งเป็นกระทู้ในเว็บได้
😁😁😁😁😁😊😁😁😊😊😊😁😁😁😁😁😁😁😁😊สาธุๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ฝากส่งต่อด้วยคร่า
http://www.sosspecialist.com

Sunday, May 21, 2017

ถาม เอ่อ...โทษนะครับพี่ ขอถามทางหน่อยครับ... ไม่ทราบว่า "ความสำเร็จไปทางไหนครับ? "

ถาม เอ่อ...โทษนะครับพี่ ขอถามทางหน่อยครับ... ไม่ทราบว่า "ความสำเร็จไปทางไหนครับ? "

ตอบ อ๋อ...น้องขับตรงไปเรื่อยๆเลยครับ จะผ่านแยกล้มเหลว ซอยริบหรี่ แล้วเลี้ยวขวาตรงแยกท้อแท้ ขับต่อไปตามถนนอุปสรรค ข้ามสะพานล้มลุกคลุกคลาน อีกไม่กี่อึดใจก็ถึงละน่ะ

👉ถ้าใจคุณถึง คุณก็ไปถึงครับ🚩

ในงานศพ อย่าหยิบดอกไม้จันทน์เผื่อให้ใคร หรือหยิบให้ใคร ต่างคนต่างหยิบ

ในงานศพ อย่าหยิบดอกไม้จันทน์เผื่อให้ใคร หรือหยิบให้ใคร ต่างคนต่างหยิบ

อีกประการหนึ่งเขาไม่ชมดอกไม้จันทน์ว่า "สวย" 


http://someone-said.blogspot.com/2017/05/blog-post_21.html?m=1

"ความเชื่อความถือ" โบราณของดอกไม้จันทน์

เล่าสู่กันฟัง...อย่าหยิบดอกไม้จันทน์ให้ใคร

วันก่อนไปงานฑระราชทานเพลิงศพคุณพ่อเพื่อนที่วัดผาสุกมณีจักร มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งถามผมว่า ทราบไหมว่าทำไมเขาห้ามหยิบดอกไม้จันทน์ใหักัน

ผมก็ตอบแบบเดาๆ ว่า น่าจะส่งให้คนตายเท่านั้นมั้งครับ ตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกัน มาค้นหาเรื่อเล่าแต่เก่าก่อน เออ! ใช่จริงด้วย เลยเอามาเล่าสู่กันฟัง

- งานศพ เขาไม่หยิบดอกไม้จันทน์เผื่อ
ให้ใคร หรือหยิบให้ใคร ต่างคนต่างหยิบเพราะ ดอกไม้จันทน์เป็นของสูง (ไม้จันทน์เป็นไม้ศักดิ์สิทธ์) ..เพื่อส่งให้คนตายเท่านั้น  การหยิบส่งให้ใครนั้น เสมือนหยิบยื่นความเศร้า/ความตายให้

- อีกประการหนึ่งเขาไม่ชมดอกไม้จันทน์ว่า "สวย" เพราะเปรียบเสมือนคนชมอยากได้ดอกไม้จันทน์

..ข้อนี้ เพิ่งรู้ เพื่อนของเพื่อนทีที่ไปทำดอกไม้จันทน์เพื่อใช้ในงานพระราชทานเพลิงศพ เขาชมกันว่า "ฝีมือดี" แล้วบอกไว้ว่า อย่าชมว่าสวยนะครับ เขาถือ

เล่าสู่กันฟังนะ..เพิ่งรู้เหมือนกัน

Wednesday, May 17, 2017

“ปัสสาวะกับภาวะหัวใจอุดตัน”

“ปัสสาวะกับภาวะหัวใจอุดตัน”
แพทย์ชาวอเมริกันได้กล่าวถึง ปัญหาความเกี่ยวเนื่องระหว่างการปัสสาวะตอนกลางคืน กับ ภาวะการอุดตันของหัวใจและสมอง

วันนี้เอาความรู้ที่สำคัญที่พวกเราต้องระวังมาเล่าสู่กันฟัง คนแก่มักมีปัญหาของการปัสสาวะตอนกลางคืน ทำให้ไม่ยอมดื่มน้ำก่อนนอน และไม่ยอมดื่มน้ำหลังจากที่ตื่นขึ้นมาปัสสาวะกลางดึก แต่นี่กลับกลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะสมองอุดตันในยามเช้าของคนแก่ได้

.....

เรื่องแรกที่จะบอกทุกท่านก็คือ การปัสสาวะตอนกลางคืนไม่ใช่ความบกพร่องของกระเพาะปัสสาวะ หรือปัญหาของหัวใจอ่อนแรง

เรื่องที่ 2 ที่ต้องบอกทุกท่านก็คือ ก่อนนอนจะต้องดื่มน้ำอุ่น และหลังลุกขึ้นมาปัสสาวะในตอนกลางคืนแล้ว ก็ควรดื่มน้ำอุ่นอีก อย่ากลัวการปัสสาวะในเวลากลางคืน เพราะการไม่ดื่มน้ำจะทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้

เรื่องที่ 3 ที่ต้องบอกทุกท่านก็คือ ในเวลาปกติควรฝึกออกกำลังกายให้หัวใจแข็งแรง ร่างกายคนเราไม่ใช่เครื่องจักร เครื่องจักรใช้บ่อยๆจะสึกหรอได้ แต่ร่างกายกลับตรงกันข้าม ถ้าฝึกบ่อยๆจะแข็งแรงขึ้น

(Full details in blog)
http://someone-said.blogspot.com/2017/05/blog-post.html?m=1

ปัสสาวะกับภาวะหัวใจอุดตัน

อยากให้เพื่อนๆที่รักทั้งหลาย ทั้งเพื่อนนักเรียนเก่า และเพื่อนฝูงเก่าๆ สละเวลาซัก 2 นาทีเพื่ออ่านบทความอันมีค่านี้

แพทย์ชาวอเมริกันได้กล่าวถึง ปัญหาความเกี่ยวเนื่องระหว่างการปัสสาวะตอนกลางคืน กับ ภาวะการอุดตันของหัวใจและสมอง

วันนี้เอาความรู้ที่สำคัญที่พวกเราต้องระวังมาเล่าสู่กันฟัง คนแก่มักมีปัญหาของการปัสสาวะตอนกลางคืน ทำให้ไม่ยอมดื่มน้ำก่อนนอน และไม่ยอมดื่มน้ำหลังจากที่ตื่นขึ้นมาปัสสาวะกลางดึก แต่นี่กลับกลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะสมองอุดตันในยามเช้าของคนแก่ได้

จริงๆแล้ว ภาวะการปัสสาวะสองครั้งในเวลาคืน ไม่ใช่ปัญหาการเสื่อมสมรรถนะของกระเพาะปัสสาวะ ที่ปัสสาวะตอนกลางคืนก็เพราะคนแก่
มีประสิทธิภาพของหัวใจที่เสื่อมถอย หัวใจห้องขวาสูบโลหิตจากร่างกายช่วงล่างเข้าหัวใจอ่อนแรงลง....

อิริยาบถของคนเราที่ทำงานในเวลากลางวัน ทำให้เลือดไหลลงสู่ด้านล่างของร่างกายได้ง่าย  และคนที่หัวใจไม่ปกติ หัวใจไม่ค่อยมีที่จะแรงสูบเลือดให้กลับขึ้นสู่หัวใจ แรงโน้มถ่วงเป็นแรงกดที่จะทำให้ช่วงล่างของคนแก่เหล่านี้มีลักษณะบวมน้ำ พอตกกลางคืน เวลานอนราบ ร่างกายช่วงล่างมีแรงกดน้อยลง น้ำที่สะสมอยู่ในร่างกายช่วงล่าง ก็จะซึมกลับเข้าสู่กระแสเลือด

เวลาน้ำในร่างกายมากเกินไป ไตก็จะเริ่มขับน้ำออก ทำให้กระเพาะปัสสาวะกระตุ้นเราให้ตื่นขึ้นมาปัสสาวะในเวลากลางคืน ดังนั้น หลังจากนอนราบได้ 3-4 ชั่วโมง ก็ต้องตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำครั้งหนึ่ง แต่น้ำในเลือดที่ยังไม่หมด ยังคงสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผ่านไปอีก 3 ชั่วโมง ก็ต้องลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำเป็นครั้งที่ 2  ...แล้วทำไมจึงเป็นสาเหตุสำคัญทำให้สมองอุดตัน หรือหัวใจอุดตันล่ะ

ก็เพราะว่าหลังจากถ่ายปัสสาวะไป 2-3 ครั้ง ระดับน้ำในเลือดมีปริมาณน้อยลงมาก ในฤดูหนาวอากาศที่แห้งจะดูดความชื้นจากลมหายใจของเรา ด้วย ทำให้เลือดเริ่มกลายสภาพหนืดข้นขึ้น อีกทั้งเวลานอนร่างกายมี activity ต่ำ และหัวใจเต้นช้าลง ทำให้เลือดที่หนืดข้นเกิดการอุดตันได้ง่าย นี่คือ สาเหตุสำคัญที่ว่า ทำไมคนแก่ส่วนใหญ่มักจะเกิดปัญหาหัวใจอุดตัน หรือสมองอุดตันในเวลาตี 5 หรือ 6 โมงเช้า และทำให้เกิดภาวะการตายในขณะนอนหลับ

เรื่องแรกที่จะบอกทุกท่านก็คือ การปัสสาวะตอนกลางคืนไม่ใช่ความบกพร่องของกระเพาะปัสสาวะ หรือปัญหาของหัวใจอ่อนแรง

เรื่องที่ 2 ที่ต้องบอกทุกท่านก็คือ ก่อนนอนจะต้องดื่มน้ำอุ่น และหลังลุกขึ้นมาปัสสาวะในตอนกลางคืนแล้ว ก็ควรดื่มน้ำอุ่นอีก อย่ากลัวการปัสสาวะในเวลากลางคืน เพราะการไม่ดื่มน้ำจะทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้

เรื่องที่ 3 ที่ต้องบอกทุกท่านก็คือ ในเวลาปกติควรฝึกออกกำลังกายให้หัวใจแข็งแรง ร่างกายคนเราไม่ใช่เครื่องจักร เครื่องจักรใช้บ่อยๆจะสึกหรอได้ แต่ร่างกายกลับตรงกันข้าม ถ้าฝึกบ่อยๆจะแข็งแรงขึ้น

ในเวลาปกติ จะต้องไม่กินอาหารที่ทำให้เสียสุขภาพ โดยเฉพาะอาหารประเภทแป้ง และอาหารที่ทอดด้วยน้ำมัน

ถ้าคุณชอบบทความนี้ กรุณาส่งต่อให้เพื่อนสูงอายุที่คุณรัก

นำเสนอโดย หัวหน้าพยาบาลเกษียณ

อิฐที่จมหายในแผ่นดิน ปฎิวัติ 2475 -- สอ เสถบุตร


สอ เสถบุตร จบ ม.8 จาก โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ได้รับทุนคิงสกอลาชิพ (ทุนเล่าเรียนหลวง) ไปศึกษาต่อยังประเทศอังกฤษ จบปริญญาตรีเกียรตินิยม สาขาธรณีวิทยากับวิศวกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ กลับมารับบรรดาศักดิ์เป็น "รองเสวกเอก หลวงมหาสิทธิโวหาร" ด้วยวัยเพียง 26 ปี และดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมบัญชีกลาง ต่อมาได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้เป็นปลัด กรมองคมนตรี สังกัดกรมราชเลขาธิการในราชสำนัก

ต้องโทษจองจำในคดีกบฏบวรเดช พ.ศ. 2476 เสวกโท หลวงมหาสิทธิโวหารถูกถอดบรรดาศักดิ์ ศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ที่ บางขวาง, เกาะตะรุเตา และเกาะเต่า

ระหว่างเป็นนักโทษ ใช้เวลาเขียนพจนานุกรมอังกฤษเป็นไทย (เริ่มแรกใช้คำว่า ปทานุกรม) ทั้งฉบับห้องสมุด และ ฉบับตั้งโต๊ะ ได้ความนิยมยกย่องทั่วประเทศว่าเป็นพจนานุกรมอันยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา โดยลักลอบส่งต้นฉบับออกมาตีพิมพ์นอกเรือนจำผ่านทางมารดาที่เดินทางเข้ามาเยี่ยม


รู้แล้วยังว่านักเรียนทุน จำนวน 510 คน ของ ร 5-ร 6 หายไปไหน ประเทศเสียหายใหญ่หลวงมาก



ในรัชสมัยของพระเจ้าพุทธเจ้าหลวง ทรงครองราชย์ 42 ปี ได้ส่งนักเรียนทุนคิง และทุนกระทรวงต่างๆ ไปศืกษาในต่างประเทศ 204 คน สมัยรัชกาลที่6 ครองราชย์ 15 ปี ส่งนักเรียนทุนไปศืกษาต่อต่างประเทศ 306 คน รวมสองรัชกาล มีนักเรียนทุน 510 คน

นักเรียนเหล่านี้ คือ ความหวังที่จะกลับมาพัฒนาสยามประเทศ ในโครงการที่ ร 5 ทรงริเริ่มไว้เป็นประเทศแรกๆในเอเซีย จนญี่ปุ่นยังต้องมาดูงาน


ความหวังของชาติ คือ การบุกเบิก ขยายการไฟฟ้า รถไฟ อากาศยาน รถราง ไปรษณีย์ ป่าไม้ วิศวกรรม วิทยาศาสตร์ พาณิชย์นาวี การพาณิชย์ การศืกษา การเหมืองแร่ การผังเมือง การศืกษา มหาวิทยาลัย การจัดที่ดิน อุตสาหกรรม การค้า ถนน ธนาคาร การเงิน


คนเก่งที่สุดของประเทศเหล่านี้ ถูกปลดจากราชการ ส่งไปขังไว้ที่เกาะตารุเตา นักพัฒนาจำนวนมากไปตายในต่างประเทศ




อิฐที่จมหายในแผ่นดิน ปฎิวัติ 2475



“อิฐก้อน แรกร่วง ลงพื้น
ก้อนอื่น ร่วงตาม ทับถม
กลบมิด ก้อนเก่า เจ้าจม
สะสม เป็นทาง ให้เดิน”





Copy
  • Somkiat Osotsapa; http://www.facebook.com/serithai.net/posts/1435396969849061
  • แคน ไทเมือง; http://chaoprayanews.com/blog/canthai/2017/05/15/อิฐที่จมหายในแผ่นดิน-ปฎ/

Monday, May 15, 2017

ลักษณะบ้าน "อยู่แล้วจน"

ลักษณะบ้าน "อยู่แล้วจน"

1. มืดทึบหรือถูกบดบังแสง
2. ต้นไม้ใหญ่อยู่ในบ้านและใกล้ชิดตัวบ้านมากเกินไป
3. บริเวณบ้านหรือใกล้บ้านสกปรก
4. ถูกบดบังทัศนียภาพบริเวณหน้าบ้าน
5. อยู่ต่ำและสูงกว่าถนนมากเกินไป

อีก 5 ประการที่เกิดอยู่ในตัวบ้าน

6. รั้วบ้านเตี้ย
7. เปิดประตูเข้ามาก็เจอห้องน้ำ
8. ประตูและหน้าต่างมีเยอะเกินไป
9. เปิดประตูบ้านแล้วเจอบันได
10. ประตูทางเข้าบ้านแคบและรก
http://www.thaiquote.org/content/4478

Monday, May 8, 2017

10 ลักษณะของคน "เก่งและฉลาดจริง"

1. เป็นคนพูดเก่ง แต่ไม่พูดมาก เพราะรู้ว่าเค้าจะฉลาดขึ้นได้ด้วยการฟัง

2. มีความรู้หลายด้านมากกว่าอาชีพที่ทำ และมักจะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ

3. จัดสรรเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ มีสมดุลในชีวิตระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว และเต็มที่กับทุกเรื่องที่ทำ

4. ไม่ใช้ Social Media ตลอดเวลา แต่ใช้รับข้อมูลที่สนใจ และส่งต่อความคิดดีๆ ให้กับคนอื่นเสมอ

5. กลับมายิ้มได้อย่างรวดเร็ว แม้จะมีสิ่งเลวร้ายเข้ามาในชีวิตก็ตาม

6. รู้ว่าตัวเองมีความสามารถ แต่ไม่เคยเสียเวลามากมายมาภูมิใจกับความสามารถของตนเอง

7. ไม่ต้องเป็นผู้นำ แต่สามารถดึงความสามารถของคนในทีมมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้เสมอ

8. ไม่อวดความสามารถที่แท้จริงว่าเจ๋งแค่ไหน แต่จะพิสูจน์ได้เสมอเมื่อถึงเวลาต้องใช้มัน

9. อาจมีหรือไม่มีการศึกษาสูง หรือไม่จบจากสถาบันมีชื่อเสียง แต่มีผลงานการันตีความสามารถเสมอ

10. ไม่เคยทำให้คนอื่นรู้สึกโง่เมื่อเค้าทำผิดพลาด แต่ให้โอกาส คำแนะนำ และให้กำลังใจเสมอ

Credit: Line forwarded
www.vip-groups.com/kh_detail.php?kh_id=5911
© 2017 Vip Groups Company Limited. All rights reserved.