Attention!

อ่านก่อนนะ >> "กาลามสูตร" -- จะได้มีสติระวัง ไม่เผลอพลั้งหลงป่าเวลาอ่านบล็อกนี้ (^_^)

Thursday, July 27, 2017

OPD NAPHA

เสียงกระซิบ
จากหมอที่แม่สอด
และคนทำงานทั้งหลาย
....จะดังให้ทุกคนได้ยินได้อย่างไร

วันนี้ออก OPD NAPHA นั่นคือห้องตรวจผู้ป่วยโรคติดเชื้อเอชไอวี เป็นคิวของผู้ป่วย NAPHA extension คือกลุ่มผู้ป่วย migrant ชาวกะเหรี่ยง พม่า ที่ไม่ใช่คนไทยที่มาขอใช้สิทธิ์รับยาที่ รพ แม่สอด

ภารกิจประจำวันของฉันค่อนข้างยุ่งเหยิง ตอนเช้าต้องไปราวน์ICU ราวน์วอร์ดเกือบ 30 เตียงสอนนักศึกษาแพทย์ ราวน์วอร์ดพิเศษ สะสางงานที่รับผิดชอบที่ต้องจัดการในเช้าวันนั้น ทำให้วันนี้ลง OPDเกือบ 10.30 น คนไข้งดน้ำงดอาหารมารอตั้งแต่ 6 โมงใครมาก่อนได้ตรวจก่อนตามคิว

ฉันมาถึง..คนไข้นั่งรอเป็นระเบียบ ไม่มีใครพูดเลยสักคนเงียบกริบ

คนไข้เข้ามาตรวจทีละคน ส่วนใหญ่ต้องใช้ล่าม แทบไม่มีการปรับยาสำหรับ OPD นี้ ไขมันในเลือดเป๊ะ เบาหวานคุมได้เป๊ะ ไวรัสกดได้ตลอด คนไข้เกือบ 60 คนใช้เวลาตรวจไม่ถึงสองชั่วโมง

ตอนฉันยื่นใบสั่งยาให้คนไข้ไปรับยา คนไข้ทุกคนยกมือไหว้ เอามือข้างหนึ่งแตะที่ศอกอีกข้างราวกับรับของจากพระผู้ใหญ่ บางคนมีย่อถอนสายบัวด้วย ถ้าไม่มาเห็นด้วยตาตัวเองจะหาว่าโอ้อวดเกินจริง....

คนไข้ส่วนใหญ่ห่อข้าวมากิน ไม่รีบไม่ร้อน หมอมาเมื่อไหร่ก็ได้ ได้ยาเมื่อไหร่ก็ได้แม้ว่าค่ำนี้ยังไม่รู้จะนอนที่ไหนเพราะบ้านอยู่ฝั่งพม่าไกลโพ้น ..เขาก็เตรียมตัวมาอย่างดี

นึกแล้วมันช่างแตกต่างจากสังคมไทยปัจจุบันที่มีคนจำนวนมากลุกขึ้นมาด่าหมอ ด่าพยาบาลกันปาวๆ ยังกับเป็นบุคคลน่ารังเกียจ

ยอมรับว่าไม่ได้อ่านทั้งหมด อ่านเพียงเล็กน้อยก็ยังรู้สึกได้ถึงความเสื่อมศรัทธาต่อวงการแพทย์..ไม่รู้ว่าอะไรคือต้นเหตุ เพราะส่วนตัวเอง และเพื่อนแพทย์ใกล้ชิดก็ไม่มีใครทำอะไรผิดจากจรรยาบรรณที่พึงมี แพทย์พยาบาลไทยยังทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถเหมือนเดิมซ้ำยังพยายามพัฒนาศักยภาพให้มากขึ้นตามโลกยุคใหม่

แพทย์ไทยไม่ได้เปลี่ยนไป...แต่สายตาที่มองมาคู่นั้นต่างหากที่เปลี่ยนแปลง

รพ แม่สอดได้เงินจากคนต่างชาติโดยเฉพาะชาวพม่ารวม 110,000,000 บาทต่อปีพอๆกับที่ได้เงินจากคนไทยจากกองทุนบัตรทอง ดังนั้นคนพม่าเขามาซื้อบริการเราทั้งนั้นแต่การปฏิบัติต่อหมอไทยประดุจเราเป็นเทพเจ้า

มีคนไข้หนุ่มน้อยอายุ 16 ปีมาด้วย Encephalitis สงสัยวัณโรคขึ้นสมอง โคม่ามาตั้งแต่แรกรับไปโรงพยาบาลที่เมาะละแหม่งหนึ่งสัปดาห์ไม่ดีขึ้นจึงพากันมาที่ รพ แม่สอดอย่างทุลักทุเล หายใจพะงาบๆ ใส่ท่อช่วยหายใจอยู่วอร์ดสามัญ ตอนนี้ตื่นดีเตรียม off ท่อช่วยหายใจ แพทย์ณัฐกานต์เดินไปราวน์ทีไรทุกคนในครอบครัวยกมือไหว้ท่วมหัวถ้ากราบได้คงทำไปแล้ว แววตาเปี่ยมไปด้วยศรัทธา ไม่เคยเรียกร้องอะไรยืนฟังแพทย์อธิบายอย่างเงียบๆ ไม่เคยร้องขอไป ICU มาถึงวันนี้ค่ารักษาแสนกว่าบาท เขาจ่ายทุกบาททุกสตางค์เพราะกลัวหมอจะทิ้งเขา...เราพูดกันคนละภาษา แต่เรื่องของศรัทธาเป็นเรื่องสากลที่เข้าใจกันได้ระหว่างมนุษยชาติ  เขาวางชีวิตไว้ในมือหมอไทยที่เพิ่งเคยเจอหน้ากันครั้งแรกด้วยซ้ำ...

ในความเห็นของฉัน..วิกฤตศรัทธาในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากจรรยาบรรณแพทย์ที่เปลี่ยนไป  แต่เกิดจากความไม่รู้ที่มากจนสะสมกัดกินลักษณะที่ดีของคนไทย ที่เคยคิดดีทำดีต่อกัน ที่เคยอ่อนน้อมพูดจากันด้วยภาษาไพเราะ มีเหตุมีผล เห็นอกเห็นใจกัน

สังคมชื่นชมคนดีหายไปไหน...
โชคดีที่ฉันยืนอยู่ตรงนี้ ที่ตรงชายขอบ..ฉันจึงเห็นความแตกต่าง

ตอนเช้ามีคนรอใส่บาตรพระรายเรียงเป็นแถวรับหมอกอ่อนๆ กลางวันถีบรถจักรยานไปทำงานมีปิ่นโตคนละเถา ในวันฝนตกหนักที่อาจจะมีคนแอบแช่งฝนแต่เด็กๆอาบน้ำฝนกันอย่างสนุกสนาน มือพ่อแม่จูงลูกๆพะรุงพะรังไปดูหนังกลางแปลงทั้งครอบครัว ...

ฉันได้รู้ว่าถ้าความสุขในสังคมและครอบครัวได้มาง่ายๆ กลับไปเป็นสังคมห่อใบตองและถีบรถถีบแต่ประเทศเราอาจไม่เจริญขึ้น...ฉันจะยอมแลก

มาช่วยกันปรับปรุงสังคมไทยไหมคะ ..ไม่รู้ว่ามันจะสายเกินไปหรือยัง

Monday, July 17, 2017

วันหนึ่งเธอซื้อของเสร็จกลับมาที่ลานจอดรถพบว่ายางรถเธอแบน จึงนำแม่แรงท้ายรถเริ่มลงมือเปลี่ยนยาง...

วันหนึ่งเธอซื้อของเสร็จกลับมาที่ลานจอดรถพบว่ายางรถเธอแบน จึงนำแม่แรงท้ายรถเริ่มลงมือเปลี่ยนยาง ขณะนั้นมีชายคนหนึ่งแต่งตัวดีท่าทางเป็นนักธุรกิจ ถือกระเป๋าเอกสารตรงมาที่เธอและพูดว่า "ผมสังเกตเห็นว่าคุณกำลังเปลี่ยนยางรถอยู่ จะให้ผมช่วยไหม?" เธอรู้สึกขอบคุณมากและยอมรับความช่วยเหลือ ขณะเปลี่ยนยางเขาก็พูดคุยกันอย่างเป็นมิตร เปลี่ยนยางเสร็จก็เก็บยางที่แบนและแม่แรงไว้ท้ายรถ เธอกล่าวขอบคุณอย่างมาก

ขณะที่จะก้าวขึ้นรถ ชายคนนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า เขาทิ้งรถตัวเองไว้อีกด้านหนึ่งของห้าง จะรังเกียจไหมถ้าขออาศัยติดรถไปที่เขาจอดรถไว้ เธอนึกฉงนจึงได้ถามว่า แล้วทำไมรถของคุณถึงได้อยู่อีกด้านหนึ่งของห้าง เขาก็อธิบายว่า พบเพื่อนเก่าได้พูดคุยกันสักครู่ ตอนออกจากห้างก็ออกผิดทางและตอนนี้เขาก็สายมากแล้ว.....

http://icare.kapook.com/content_detail.php?t_id=0&id=1860
http://wp.me/p4YeI-2U

Saturday, July 1, 2017

เมื่อเร็วๆ นี้ ข่าวการเสียชีวิตของ มาโอะ โคบายาชิ อดีตผู้ประกาศข่าวสาวชาวญี่ปุ่น...

เมื่อเร็วๆ นี้ ข่าวการเสียชีวิตของ มาโอะ โคบายาชิ อดีตผู้ประกาศข่าวสาวชาวญี่ปุ่น สร้างความสะเทือนใจแก่คนญี่ปุ่นจำนวนมาก เธอจากไปก่อนวัยอันควรเพราะเพิ่งอายุ 34 ปี เธอมีลูกสองคนกับสามีซึ่งเป็นดาราชื่อดัง

โรคที่คร่าชีวิตเธอเป็นนักฆ่าอันดับหนึ่งของสังคมโลกวันนี้ นั่นคือ มะเร็ง กรณีของเธอคือ มะเร็งเต้านม

อ้างอิงจากสถิติในสหรัฐอเมริกา และไทย (ปี 2557) มะเร็งที่ผู้หญิงอเมริกันเป็นมากที่สุดสามอันดับแรก คือ มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด (รวมหลอดลม) และ มะเร็งลำไส้ (รวมทวารหนัก)

ส่วนหญิงไทย มะเร็งเต้านม เป็นอันดับ 1 เช่นกัน ตามด้วย มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งตับกับทางเดินน้ำดี

แต่สถิติการตายจากมะเร็งของหญิงอเมริกัน มากที่สุดคือ มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม และมะเร็งลำไส้ (ของไทยผมยังหาสถิติไม่เจอ)

ส่วนผู้ชายอเมริกัน มะเร็งที่เป็นกันมากที่สุดสามอันดับแรก คือ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งลำไส้ แต่สถิติการตายมากที่สุดก็สลับกัน คือ มะเร็งปอด มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้

ผู้ชายไทยเป็น มะเร็งตับ มะเร็งปอด และมะเร็งลำไส้ (แต่ตายด้วยอะไรมากกว่ากัน ผมยังหาสถิติไม่เจอเช่นกัน)

จับสังเกตจากสถิตินี้แบบคร่าวๆ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ เป็นกันทั้งเพศชายและเพศหญิงเหมือนกัน ส่วนมะเร็งร้ายที่เป็นกันมากเกิดในอวัยวะเฉพาะตามเพศ มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งต่อมลูกหมาก

สำหรับคนไทย มะเร็งเป็นโรคที่คร่าชีวิตคนไทยติดอันดับ 1 ประมาณ 6 หมื่นคนต่อปี เฉลี่ยชั่วโมงละ 7 ราย

คงไม่ต้องอ้างอื่นไกล ผมเชื่อว่าคุณผู้อ่านทุกคนล้วนมีญาติใกล้ชิดที่อาจเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง

– 9 ปีก่อน แม่ของผมก็เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดหลังจากการตรวจพบเพียง 3-4 เดือน-- T T

แต่ความจริงการตรวจพบว่าเป็นมะเร็ง ไม่ได้หมายความว่าจะต้องตายทันที และหลายคนก็มีโอกาสหาย มีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหลายปี

คำถามที่ญาติและผู้ป่วยอยากรู้ คือจะมีเวลาเหลืออยู่เท่าไร จึงมาจากความคิดหรือการตั้งสมมติฐานว่าเป็นมะเร็งตายแน่

คำถามคือ เราควรถามคำถามนั้นหรือไม่ และคำตอบจากหมอว่าจะอยู่ได้ 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี หมายถึงอะไร

คุณหมอสงวน นิตยารัมภ์พงศ์ นายแพทย์ผู้ทำให้เกิดหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (ซึ่งกลายมาเป็น 30 บาทรักษาทุกโรค) เขียนบันทึกไว้ก่อนท่านจะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งไว้ในหนังสือชื่อ “เปลี่ยนมะเร็งเป็นพลัง” ต่อประเด็นนี้ว่า

“ผมอยากจะบอกคนไข้ทั้งหลายว่า คำถามเช่นนี้มันเป็นคำถามที่ไม่ควรจะถามนะครับ...เพราะว่าในภายหลังที่ผมได้ศึกษาข้อมูลมากขึ้นก็รู้ว่าสถิติมันไม่มีความแน่นอน และในทางการแพทย์ก็ไม่เคยหยุดยั้งที่จะศึกษาค้นคว้ายาหรือแผนการรักษาใหม่ๆ ดังนั้นตัวเลขสถิติที่หมอบอกเราก็มาจากการศึกษาวิจัยในอดีตเก่าบ้างใหม่บ้างแต่ที่แน่ๆ ก็คือสถิตินั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา”

“ประเด็นหนึ่งที่ผมประจักษ์กับตัวเองก็คือ ถ้าเราไปเชื่อเรื่องสถิติมากเกินไปมันก็ทำให้คนไข้ซึ่งหวั่นไหวอยู่แล้วหวั่นไหววิตกกังวลมากขึ้น เพราะฉะนั้นการที่ไปซ้ำเติมคนไข้ด้วยข้อมูลที่ทำให้คนไข้จิตใจไม่ดีมันก็ไม่ได้ช่วยอะไร...การไปให้สถิติตัวเลขที่บ่งชี้เท่านั้นเท่านี้อาจจะเป็นผลเสียมากกว่าที่เราคิด และที่จริงแล้วก็เป็นตัวเลขเฉลี่ย บางคนอาจจะดีกว่านั้น บางคนอาจจะแย่กว่านั้น มันไม่ใช่สถิติที่ทุกคนจะตรงกันอย่างนั้นหมด”

ผมขออ้างอิงอีกข้อมูลหนึ่งจากหนังสือ “95% รักษามะเร็งผิดวิธี” เขียนโดยนายแพทย์จินอิจิ นะคะมุระ อธิบายถึงกรณีตัวอย่างเมื่อหมอที่รักษาคนไข้บอกคนไข้รายหนึ่งว่า “ถ้าไม่ทำคีโมก็จะอยู่ต่อได้อีกแค่ครึ่งปี” ว่า

“ไม่ได้หมายความว่าภายในระยะเวลาครึ่งปีจะไม่มีใครเสียชีวิตเลย แต่ทันทีที่พ้นครึ่งปีไปแล้วก็จะเสียชีวิตปุบปับกันหมดหรอกนะครับ...แต่จริงๆ แล้วหมายความว่า ผู้ป่วยบางรายอาจเสียชีวิตทันทีที่เริ่มการรักษาด้วยคีโม และหลายรายก็ทยอยเสียชีวิตไปเรื่อยๆ จนเมื่อเวลาผ่านไปได้ครึ่งปี จำนวนผู้ป่วยที่เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นถึง 50% ต่างหากครับ”

ถ้าเชื่อตามหมอจินอิจิ หมายความว่า ตัวเลขที่หมอตามโรงพยาบาลบอกเราเป็นแค่ค่ากลางเท่านั้น คือถ้าบอกว่าจะมีชีวิตได้อีก 1 ปีก็หมายความว่าคนป่วยที่คล้ายกันครึ่งหนึ่งจะตายใน 1 ปี และอีกครึ่งหนึ่งจะยังมีชีวิตอยู่ต่อไป และอาจอยู่ได้ 3-5 ปีโดยปล่อยมะเร็งไว้ไม่ต้องรับการรักษาเลยก็เป็นไปได้

หมอสงวนยังบอกว่า “มะเร็งเป็นโรคที่แสดงถึงสภาวะทางจิตวิญญาณชัดกว่าโรคอื่นทั้งหมด เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเราจึงจำเป็นต้องรักษาจิตวิญญาณให้ดี”

ขณะที่การรู้ตัวเลขว่าจะอยู่ได้อีกเท่าไรๆ ก็มีโอกาสทำให้จิตตกได้ง่ายๆ

.…….….

เรื่องของมะเร็งและการรักษายังเป็นเรื่องสลับซับซ้อนมากครับ
ที่เขียนมาก็หวังว่าจะเป็นข้อมูลไว้พิจารณาอีกด้านหนึ่ง
ส่วนการตัดสินใจว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรคงขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะครับ
ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วยทุกคน

***
#พุธไซแอนซ์ #คอลัมน์เว็บไซต์ ติดปีกความรู้ทางวิทยาศาสตร์ทุกวันพุธ เพราะเทพเจ้าประจำดาวพุธคือ Mercury บุรุษเทพแห่งการสื่อสารที่ไปได้เร็วเท่าความคิด โดย #สุวัฒน์อัศวไชยชาญ
#วิทยาศาสตร์ #มะเร็ง
ภาพ : 123rf.com

http://www.sarakadee.com/2017/06/28/cancer/