Attention!

อ่านก่อนนะ >> "กาลามสูตร" -- จะได้มีสติระวัง ไม่เผลอพลั้งหลงป่าเวลาอ่านบล็อกนี้ (^_^)

Wednesday, February 1, 2017

กระดูกจะพรุนหรือไม่พรุน อยู่ที่การเดินมากกว่ากินแคลเซี่ยม...

กระดูกจะพรุนหรือไม่พรุน อยู่ที่การเดินมากกว่ากินแคลเซี่ยม และต้องให้เดินเยอะๆตั้งแต่เด็กๆสะสมความแข็งแรงของกระดูกเหมือนคนญี่ปุ่น

มีเรื่องการเดินมาฝากกัน รับรองว่าถ้าอ่านจนจบ จะได้ครบทั้งความรู้และสุขภาพดีๆแบบเต็มที่แน่นอน

นายแพทย์โยะชิโนะริ นะงุโมะ ผู้อำนวยการใหญ่ของโรงพยาบาล 4 แห่งในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการศัลยกรรมตกแต่งและรักษาโรคมะเร็ง ได้เขียนหนังสือซึ่งเป็นผลงานระดับ Best sellerในญี่ปุ่นมาหลายเล่ม

และหนึ่งในนั้น มีบทหนึ่งที่ชื่อว่า “มาชดเชยแคลเซียมด้วยการเดินกันเถอะ” ซึ่งมีเนื้อหาน่าสนใจและเหมาะกับผู้สูงวัย อยากขอหยิบยกมาเล่าสู่กันฟังดังต่อไปนี้นะคะ

คุณหมอเล่าว่านักบินอวกาศที่ใช้ชีวิตอยู่ในยานอวกาศเป็นเวลานาน ทั้งที่กินแคลเซียมเป็นปริมาณมากกว่าคนทั่วไปหลายเท่า แต่พอกลับถึงโลกก็ยังเป็นโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) เพราะไม่ได้ออกกำลังกายเนื่องจากอิทธิพลของแรงโน้มถ่วงโลก เมื่อเป็นเช่นนั้น กระดูกจึงค่อยๆอ่อนแอลง

คุณหมอจึงแนะนำว่า ถ้าอยากทำให้กระดูกแข็งแรง ต้องเดินให้มากเป็นสองเท่าของคนทั่วไป เพราะแรงโน้มถ่วงจะทำให้กระดูกรับภาระหนัก แล้วปริมาณแคลเซียมในกระดูกก็จะค่อยๆเพิ่มขึ้นเองได้
ตามธรรมชาติ

ถ้าเป็นเช่นนั้น ทำไมจึงมีการพูดกันโดยทั่วไปว่า แคลเซียมจะลดน้อยลงตามอายุล่ะ?? คุณหมออธิบายเพิ่มเติมต่อดังนี้ค่ะ

แต่เดิมกระดูกเป็นเหมือนธนาคารซึ่งเก็บสะสมแคลเซียมเอาไว้ เมื่อแคลเซียมในเลือดลดลงก็จะนำแคลเซียมจากกระดูกมาใช้แทน และเมื่อผู้สูงวัยมีการเดินที่ไม่เพียงพอ กระดูกก็จะค่อยๆเปราะบางลง

ถึงแม้จะกินแคลเซียมมากเพียงใดก็จะไม่มีผลช่วยอะไรมากนัก เพราะปัจจัยหลักที่สำคัญคือ "ปริมาณการออกกำลังกาย" ที่ผู้สูงวัยมีลดน้อยลงถึงขนาดผู้สูงวัยบางรายในแต่ละวัน แทบไม่ได้มีการขยับตัวเลยนั่นเอง

นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับปริมาณฮอร์โมนที่ลดลงอีกด้วย เพราะเดิมทีฮอร์โมนเพศไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมนเพศหญิงหรือฮอร์โมนเพศชายต่างก็มี “ฤทธิ์เสริมสร้าง” ทำให้กระดูกแข็งแรงและกล้ามเนื้อบึกบึน

สำหรับผู้ชายนั้น ถึงแม้จะใกล้วัย 80 ปี แต่ปริมาณฮอร์โมนเพศชายที่ผลิตออกมาก็ไม่น้อยไปกว่าช่วงวัยรุ่น ในขณะที่ฮอร์โมนเพศหญิงจะเริ่มลดลงตั้งแต่อายุประมาณ 25 ปี และจะหยุดผลิตเมื่อหมดประจำเดือนตอนอายุประมาณ 50 ปี

แน่นอนว่า...หากไม่มีฮอร์โมนเพศก็จะไม่สามารถหล่อเลี้ยงร่างกายได้ ธรรมชาติจึงจำเป็นต้องผลิตฮอร์โมนทดแทนขึ้นมา ชื่อว่า “แอนโดรเจน (Androgen)” ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชายที่หลั่งออกมาจากต่อมหมวกไตเพื่อชดเชยฮอร์โมนเพศหญิงในส่วนที่ขาด แต่แอนโดรเจนก็ไม่ได้มีปริมาณมากเพียงพอ กระดูกจึงไม่สามารถรักษาแคลเซียมเอาไว้ได้

นอกจากนั้น พวกเราผู้สูงวัยยังมีแนวโน้มที่จะเดินน้อยลงเรื่อยๆ
ตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น จึงยิ่งทำให้ขาดแคลเซียมมากขึ้นไปอีก ส่งผลทำให้มีอาการปวดหัวเข่าและสะโพก พอปวดแล้วก็จะยิ่งเดินน้อยลงเรื่อยๆจนถึงขั้นต้องนั่งรถเข็นซึ่งจะยิ่งเข้าสู่วงจรแย่ๆที่ทำให้เพื่อนๆยิ่งมีกระดูกอ่อนแอลงไปเรื่อยๆจนเกินแก้ไขค่ะ

ในทางกลับกัน ต่อให้เป็นวัยหนุ่มสาว หากนั่งทำงานอยู่แต่หน้าคอมพิวเตอร์ วันๆแทบไม่มีการขยับตัว แล้วจู่ๆวันหนึ่งก็ลุกขึ้นมาปีนเขาใช้ขาอย่างหักโหมทันที ก็จะมีอาการปวดข้อปวดเข่า เพราะร่างกายไม่เคยชิน ดังนั้นเราจึงควรฝึกนิสัยรักการเดินให้เป็นกิจวัตรอย่างสม่ำเสมอ

คุณหมอโยะชิโนะริ นะงุโมะ มีอายุถึง 60 ปีแล้ว แต่อายุกระดูกที่ตรวจวัดได้ยังมีอายุเพียงแค่ 28 ปี ซึ่งอ่อนกว่าอายุจริงกว่า 30 ปี นั่นเป็นเพราะคุณหมอรักการเดินเป็นชีวิตจิตใจมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งคุณหมอบอกว่าการเดินมากหรือน้อยในวัยเด็กสะสมมาจะมีผลอย่างยิ่งต่อระดับความรุนแรงของโรคกระดูกพรุนเมื่ออายุมากขึ้นด้วยค่ะ

ดังนั้นพ่อแม่ที่โอ๋ลูกมาก ไม่ยอมให้ลูกได้เดินบ้างเพราะกลัวเหนื่อยหรือลำบากควรจะรีบเปลี่ยนความคิดใหม่นะคะ เพราะคุณหมอบอกว่า พ่อแม่ชาวญี่ปุ่นจะฝึกให้ลูกเดินเยอะๆ ถ้าบ้านและโรงเรียนไม่ไกลจากกันมากนัก ก็จะใช้วิธีเดินไปกลับแทนการนั่งรถไฟฟ้า หรือขึ้นรถไฟฟ้าก็จะพยายามให้เด็กๆได้ยืนเพื่อฝึกกำลังขาและสะโพก เพราะการฝึกขาและสะโพกให้แข็งแรงตั้งแต่วัยเด็ก จะเป็นตัวกำหนดความแข็งแรงของกระดูกเค้าไปตลอดชีวิตเลย

No comments:

Post a Comment