Attention!

อ่านก่อนนะ >> "กาลามสูตร" -- จะได้มีสติระวัง ไม่เผลอพลั้งหลงป่าเวลาอ่านบล็อกนี้ (^_^)

Thursday, September 15, 2016

หวังอวิ๋นเป็นพนักงานสาวที่สวยมาก หล่อนทำงานเกือบสามปีแล้ว ...

หวังอวิ๋นเป็นพนักงานสาวที่สวยมาก หล่อนทำงานเกือบสามปีแล้ว เพื่อนพนักงานคนอื่นที่เข้าทำงานที่บริษัทหลังหล่อนต่างก็ทยอยได้โอกาสเลื่อนตำแหน่ง แต่หล่อนยังอยู่ในตำแหน่งเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ในใจหล่อนจึงรู้สึกอึดอัดบอกไม่ถูก

ในที่สุดวันหนึ่ง หล่อนจึงยอมเสี่ยงการถูกเลิกจ้าง เข้าไปหาเจ้าของบริษัทเพื่อถามสาเหตุ “เถ้าแก่คะ ฉันเคยมาสาย กลับก่อนหรือทำผิดระเบียบบริษัทหรือไม่?”
@ เถ้าแก่ตอบโดยไม่คิดว่า “ไม่เคย”

“งั้นบริษัทมีอคติกับฉันใช่ไหม?”
@เถ้าแก่ชะงักไปนิดนึง แล้วพูดว่า “ไม่มีแน่นอน”

“แล้วทำไมคนที่ประสบการณ์น้อยกว่าฉันจึงได้รับการเลื่อนตำแหน่ง แต่ฉันกลับอยู่ในตำแหน่งเดิมไม่เปลี่ยนแปลง”

เถ้าแก่อึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างยิ้มๆว่า “เรื่องของเธอเดี๋ยวไว้ค่อยคุยกัน ตอนนี้พอดีฉันมีเรื่องด่วน งั้นเธอลองช่วยฉันจัดการเรื่องนี้ได้ไหม?”
........
เถ้าแก่บอกว่า “มีลูกค้ารายหนึ่งกำลังจะมาที่บริษัทเพื่อเยี่ยมชมสินค้า เธอไปติดต่อกับพวกเขานะ ถามว่าจะมาเมื่อไร”

“นี่เป็นหน้าที่ที่สำคัญมาก” ก่อนออกไป หล่อนไม่ลืมที่จะพูดกับตัวเอง

ผ่านไปสิบห้านาที หล่อนกลับมาที่ห้องทำงานของเถ้าแก่

“ติดต่อได้ไหม?” เถ้าแก่ถาม

“ติดต่อได้แล้วค่ะ พวกเขาบอกว่าอาจจะมาอาทิตย์หน้า”

“แล้วอาทิตย์หน้าวันที่เท่าไร?”
เถ้าแก่ถาม

“อันนี้ฉันไม่ได้ถาม”

“แล้วพวกเขาจะมากันกี่คน”
“อ้าว ท่านไม่ได้บอกให้ฉันถามเรื่องนี้นี่คะ”

“แล้วพวกเขามารถไฟหรือเครื่องบิน?”
“เรื่องนี้ท่านก็ไม่ได้บอกให้ฉันถามนี่คะ”

เถ้าแก่ไม่พูดอะไรอีก เขาโทรศัพท์เรียกจางอี๋เข้ามา จางอี๋ทำงานที่บริษัทหลังหล่อนหนึ่งปี ตอนนี้เป็นผู้รับผิดชอบของแผนกหนึ่ง จางอี๋ได้รับการมอบหมายหน้าที่เหมือนกับที่เมื่อครู่หล่อนได้รับ สักพักหนึ่ง จางอี๋ก็กลับมา

“เป็นอย่างนี้ค่ะ............” จางอี๋ตอบ

“พวกเขาจะนั่งเครื่องบินเที่ยวบ่ายสามโมงของวันศุกร์หน้ามาค่ะ คาดว่าจะมาถึงตอนค่ำหกโมง พวกเขาจะมากันห้าคน นำทีมโดยผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อชื่อคุณหวัง ฉันได้บอกพวกเขาแล้วว่า บริษัทของเราจะส่งคนไปรับพวกเขาที่สนามบิน”

“นอกจากนั้น พวกเขาวางแผนที่จะมาเยี่ยมชมบริษัทสองวัน ส่วนรายละเอียดเมื่อมาถึงแล้วทั้งสองฝ่ายค่อยปรึกษากัน และเพื่อให้สะดวกกับการทำงาน ฉันเสนอให้พวกเขาพักที่ International Hotel ที่อยู่ใกล้ๆบริษัท ถ้าท่านเห็นด้วย พรุ่งนี้ฉันจะจองเรื่องห้องพักไว้ล่วงหน้า”

“ยังมีค่ะ พยากรณ์อากาศบอกว่าอาทิตย์หน้าจะมีฝนตก ฉันจะคงการติดต่อกับพวกเขาตลอดเวลา ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลง ฉันจะรายงานท่านทันที”

หวังอวิ๋นที่ดูอยู่ข้างๆรู้สึกอายจนหน้าแดง เดินออกจากห้องทำงานไปโดย ไม่พูดอะไรอีก

คืนนั้น หล่อนได้รับ message จากเถ้าแก่ดังนี้

~~~~~~~~~~
หวังอวิ๋น ไม่ว่าเธอจะทำงานที่ไหน ขอให้จดจำกฎทองเหล่านี้เอาไว้

1) งานจะไม่เลี้ยงดูคนที่ว่าง ทีมงานจะไม่เลี้ยงดูคนที่ขี้เกียจ

2) การเข้าทำงานใดก็ตาม ก่อนอื่นอย่าได้นึกแต่ว่าจะได้รายได้ ให้เรียนรู้ก่อนว่าจะทำให้ตนเองมีคุณค่าได้อย่างไร

3) ไม่มีเงินจากธุรกิจใดๆที่หาได้โดยง่าย

4) การทำงาน ไม่มีงานไหนๆที่จะราบรื่นไปทั้งหมด ได้รับความคับข้องใจบ้างเป็นเรื่องธรรมดา

5) ไม่ได้รายได้ ก็ได้ความรู้ ไม่ได้ความรู้ ก็ได้ประสบการณ์ ไม่ได้ประสบการณ์ ก็ได้ความโชกโชน เมื่อสิ่งข้างต้นล้วนได้แล้ว ก็ไม่มีวันที่จะหาเงินไม่ได้

6) มีเพียงการเปลี่ยนแปลงท่าทีของตนเองก่อน จึงจะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตให้สูงขึ้น มีเพียงการเปลี่ยนแปลงท่าทีของการทำงานก่อน จึงจะสามารถมีอาชีพที่สูงขึ้น

7) สาเหตุที่ทำให้คนเราเลอะเลือนเวิ้งว้างมีเพียงอย่างเดียว----นั่นก็คือในอายุที่ควรดิ้นรนต่อสู้ กลับคิดมากไป ทำน้อยไป

~~~~~~~~~~
ขอมอบคำสามคำไว้ให้ : ตั้งใจทำ

หล่อนจึงได้เข้าใจโดยฉับพลันว่า ไม่มีใครหรอกที่เกิดมาก็สามารถรับผิดชอบงานใหญ่ ล้วนต้องทำโดยเริ่มจากงานเล็กๆที่เรียบง่ายและธรรมดา วันนี้ตัวเธอติดฉลากให้กับตนเองอย่างไร อาจบางทีก็จะกำหนดได้ว่า วันพรุ่งนี้ตัวเธอจะได้รับมอบหมายให้ทำงานใหญ่ได้หรือไม่

ระดับความเอาใจใส่จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของการทำงานโดยตรง บริษัทใดๆ ก็ตามล้วนอยากได้พนักงานที่ทำงานกระตือรือร้นและมีความรับผิดชอบในงานได้ด้วยตัวเอง

พนักงานที่ดีเด่นมักไม่ใช่คนที่เอาแต่รอให้คนอื่นมอบหมายงานให้ แต่เป็นคนที่ไปทำความเข้าใจด้วยตัวเองว่าควรทำอะไร หลังจากนั้นก็ทำงานนั้นให้ลุล่วงอย่างเต็มกำลัง

%%%%%%%%%%
Jack Ma เคยพูดไว้ว่า

คนสิบประเภทที่จะไม่ได้เงินเดือนสูง ยิ่งไม่คุ้มค่าที่จะอุ้มชู

หนึ่ง : คนที่คิดแต่อยากได้หยุดสัปดาห์ละสองวัน

สอง : คนที่คิดแต่จะเข้างานเก้าโมงเช้าเลิกงานห้าโมงเย็น

สาม : คนที่คิดแต่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วย basic salary

สี่ : คนที่จิตใจไม่มีความมุ่งหมาย

ห้า : คนที่ไม่มีความคิดที่ก้าวไปข้างหน้าตามกาลเวลา

หก : คนที่ทำงานเฉื่อยชา

เจ็ด : คนที่เป็นคนความประพฤติไม่เที่ยงตรง

แปด : คนที่ไม่กล้ารับผิดชอบ

เก้า : คนที่มักคิดว่าตนเองมีค่าสูงเกินเกินไป

สิบ : คนที่มักตำหนิว่าบริษัทไม่ดีพอ


%%%%%%%%%%
ผู้ที่ก่อตั้งบริษัท Huawei กล่าวว่า : มีคนมากมายที่ถามผมว่า มาทำงานที่บริษัทมีหยุดอาทิตย์ละสองวันหรือไม่? จำเป็นต้องทำงานล่วงเวลาไหม?

ฉันยิ้มๆ ไม่ตอบ และเชิญพวกเขาให้ออกจากบริษัทอย่างสุภาพ

อยากสบาย ยังจะออกมาทำงานทำไม?

นอนขลุกอยู่แต่ที่บ้านก็ไม่ใช่ได้หยุดทั้งเจ็ดวันแล้วหรือ?

คนเรานั้น ถ้าไม่ถือโอกาสขยันตอนอายุยังน้อย ความหนุ่มสาวของเธอจะมีประโยชน์อะไร?

กล่าวกันว่าวัยหนุ่มสาวก็คือต้นทุน สิ่งที่ฉันอยากจะเพิ่มเติมก็คือ มีเพียงการต่อสู้บากบั่น ต้นทุนของเธอจึงจะมีคุณค่า มีเพียงการดิ้นรนต่อสู้ ความหนุ่มสาวของเธอจึงจะควรค่าแก่การเชิดชู

พอเอ่ยปากก็พูดว่าลำบาก ความเจริญก้าวหน้าก็ออกห่างเธอแล้ว

พอทำออกไปก็คิดถึงแต่ผลตอบแทน โอกาสก็ออกห่างเธอแล้ว

พอทำงานก็คิดแต่ประโยชน์ส่วนตัว ผลเก็บเกี่ยวที่จะได้ก็ออกห่างเธอแล้ว

พอเริ่มต้นก็คิดแต่จะพูดถึงเงื่อนไข อนาคตความก้าวหน้าก็ออกห่างเธอแล้ว

พอร่วมมือทำงานกันก็คิดแต่ว่าตนเองจะไม่เสียเปรียบได้อย่างไร ความสำเร็จของธุรกิจก็ออกห่างเธอแล้ว

~~~~~~~~~~
เรื่องเล่านี้อ่านไว้สอนลูกหลานได้ประโยชน์นะครับ

Sunday, September 11, 2016

บทความนี้เขียนถึงว่าทำไมคนจึงมักเกิดเส้นเลือดแตกในห้องน้ำ

บทความนี้เขียนถึงว่าทำไมคนจึงมักเกิดเส้นเลือดแตกในห้องน้ำ

คุณหมอที่ยกหัวข้อนี้บอกว่า ได้แนะนำว่าเมื่อเราเข้าห้องอาบน้ำ เราไม่ควรจะสระผมก่อนสิ่งอื่นเพราะเป็นขั้นตอนที่ผิด

การกระทำที่ว่านี้ทำให้ร่างกายของเราปรับอุณหภูมิไม่ทัน ด้วยเหตุที่คนเราเป็นสัตว์เลือดอุ่น
หากไปรดน้ำเย็นที่ศีรษะก่อน เลือดในร่างกายจะวิ่งขึ้นไปที่ศีรษะ เป็นเหตุให้เส้นเลือดแตกทำให้เราล้มลงได้

วิธีที่ถูกในการอาบน้ำคือ
พยายามใช้น้ำราดจากอวัยวะเบื้องต่ำเช่นเท้าขึ้นมาจนถึงไหล่อย่างช้าๆ
ความรู้สึกของไอน้ำที่ออกจากศีรษะและการที่ร่างกายกระทบน้ำที่กระเซ็นอาจมีผลกระทบค่อคนบางคน
ให้ทำตามลำดับทีละน้อยแล้วจึงอาบน้ำไปตามปกติ

ข้อแนะนำนี้จะมีประโยชน์มากสำหรับผู้ที่เป็นโรคความดันสูง หรือมีคลอเรสเตอรอลสูง รวมถึงคนที่เป็นไมเกรนด้วย

Saturday, September 10, 2016

เรื่อง Dry Ice (น้ำแข็งแห้ง)

เหตุการณ์ที่ 1

วันนี้ไปซื้อไอติมฮาเก้นดาสแล้วให้เขาใส่น้ำแข็งแห้ง กะสักประมาณ 4 ชั่วโมงกว่าจะถึงบ้านเพราะต้อง
แวะไปซื้อของที่อื่นด้วย ไปได้สัก 1 ชั่วโมงเราก็จอดลงไปซื้อขนมประมาณครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ ขึ้นมาบน รถเห็นแฟนที่รออยู่บนรถหอบเหนี่อย ก็ไม่อะไรสตาร์ตรถออกมาตามปรกติ เราก็ไม่เอะใจอะไร สักพักลูก
เรา5เดือนก็ร้องไห้จ้าขึ้นมา ปรกติเขาไม่เคยร้องแบบนี้ เราก็เอานมให้ลูกกินคิดว่าลูกหิว เขาก็ไม่กิน
เราเองก็รู้สึกเหนี่อยขึ้นทุกทีคล้ายจะหอบ ก็เลยบ่นกับแฟนว่าเป็นอะไรไม่รู้ รู้สึกเหนี่อยเหลือเกิน แฟนก็
เลยบอกว่าเขาก็เป็น ตอนแรกเขาคิดว่าเขาอ้วนเลยเป็นอย่างนั้น เราก็เลยรีบเปิดกระจกรถกันใหญ่ พอ
อากาศถ่ายเทเข้ามาในรถเท่านั้นแป็บเดียวก็เป็นปรกติลูกเราหยุดร้องทันที อาการทั้งของเราและแฟนก็
หายเป็นปรกติทันที รถเราเป็นรถโตโยต้าวิช มันทะลุถึงกันหมด เพิ่งรู้ว่าคนที่จอดรถนอนแล้วตายเป็น
อย่างนี้นี่เอง ขอให้เป็นอุทธาหรณ์ของทุกๆคนนะค่ะ สงสารลูกที่สุดเลยค่ะเขาคงทรมานมากพูดก็พูดไม่ได้
 
ก้อนน้ำแข็งแห้ง มันคือคาร์บอนไดออกไซด์เพียว ๆ เลย ซึ่งจัดว่าเป็นก๊าซอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ
ค่ะ
 
เหตุการณ์ที่ 2

เรื่องน่ากลัวค่ะเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ไปไหว้พระบาทกัน ขับรถไปกันเอง
ป๊าน้องปลื้มเป็นคนขับ ไปกัน 7 คน นั่งตอนละ2 คน น้องปลื้มก็นั่งคาร์ซีทตอน 2
ไหว้พระเสร็จก็ประมาณบ่าย 2-3 โมง ขากลับหิวข้าวเลยแวะกินสเต็ก(ลือชื่อแถวรังสิต)
 
ทานเสร็จอาม่าของน้องปลื้มกับอาเหล่าโกวก็ช็อปปิ้งไอติมกัน แล้วก็ซื้อกลับบ้านด้วย
ทางร้านก็แพคใส่กล่องโฟม มีสติ๊กเกอร์แปะอยู่2 ข้างเพื่อไม่ให้ฝาหลุด
 
ขากลับน้องปลื้มไม่ยอมนั่งคาร์ซีท เลยเอาไอติมวางไว้ที่คาร์ซีท
แล้วน้องปลื้มก็มานั่งกับเราที่ตอน 3 ระหว่างทางอาม่าก็บอกว่าทำไมรู้สึก
เหนื่อยจัง เหมือนหายใจไม่ออก แล้วเค้าก็มีอาการหอบ
ป๊าของน้องปลื้มก็บอกว่าเค้าก็เป็น ทำไมถึงเป็นไม่รู้
 
คุยกันไม่มานึกว่าเค้า 2 คนกินอะไรเหมือนกันที่คนอื่นไม่ได้กินหรือเปล่า
เราก็สังเกตเห็นทำไมน้องปลื้มหายใจแรงจัง หายใจหอบ ๆ เสียงลมหายใจฟี้ด ๆ
แล้วน้องปลื้มก็เอานิ้ว แคะจมูก เราก็นึกว่ามี ขี้มูกทำให้หายใจไม่สะดวก
ก็เลยแคะให้แต่ก็ไม่เห็นมีนี่นา อาม่าของปลื้มก็หอบใหญ่เลย ปลื้มก็หายใจถี่ แรง แล้วก็หอบมากขึ้น
 
อาเหล่าโกวก็เอะใจถามว่าไอติมที่เราซื้อมามีดรายไอซ์หรือเปล่า
 
มีนะเพราะซื้อ ทุกครั้งเค้าก็แพคให้
 
เลยถึงบางอ้อ! ค่ะ เพราะดรายไอซ์นี่เอง มันเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ รถปิดหน้าต่างเปิดแอร์ ทำให้
ออกซิเจนในรถน้อยลง อากาศไม่ไหลเวียน
เลยรีบเปิดหน้าต่าง อาการของทั้ง 3 คน หายทันทีเลยค่ะ
 
ตกอกตกใจกันไปทั้งรถ มั่วแต่หาสาเหตุอื่นๆ ไม่ได้คิดถึงกล่องไอติมเลย
รู้ทั้งรู้ แต่นึกไม่ถึงค่ะ
 
ถ้ารถเก๋งวางไว้กระโปรงหลังคิดว่าคงไม่เป็นไร แต่นี่รถ 3 ตอน แถมวางไว้ตรงตอน 2 กลางรถพอดี
มันก็เลยไหวเวียนอยู่ในรถนั่นแหละ น่ากลัวมาก ๆ เลย
ไม่อยากนึกเลยว่าถ้าทุกคน หลับกันหมด หรือน้องปลื้มหลับ
เค้าจะมีอาการแสดงให้เราเห็นหรือเปล่า
 
ป๊าของน้องปลื้มบอกว่ารู้แล้วว่าคนขาดอากาศหายใจตายเป็นไง รีบเอาดรายไอซ์ทิ้งหมดเลยค่ะ หรือถ้า
แพคใส่กล่องแต่ปิดเทปรอบปากกล่องก็คงดีกว่า
 
เลยอยากมาเล่าให้พ่อ ๆ แม่ๆ ฟังกัน เรื่องที่รู้ทั้งรู้นะแต่นึกไม่ถึงว่าจะ
อันตรายขนาดนี้คราวหน้าคราวหลังถ้าซื้อไอติมมาคงต้องแพคให้หนาแน่นกว่านี้
  
เหตุการณ์ที่ 3
 
ยืนยันด้วย อันนี้เรื่องจริงครับ เคยโดนมากะตัวเหมือนกัน เราทำงาน CP เกี่ยวกะอาหารส่งออก
ต้องไปเอาสินค้าตัวอย่างให้ลูกค้า โรงงานก็ pack ใส่กล่องโฟมใหญ่ ๆ หลายกล่อง
แล้วใส่ Dry ice เยอะมากทุกกล่อง เพราะกลัวสินค้าเสียหาย
พอออกรถไปซักพัก หายใจไม่ออกกันทั้งรถ เกือบตายเหมือนกัน
นึกขึ้นมาได้ว่ามี dry ice ในกล่อง เลยรีบจอด แล้วเอา dry ice ออก
(นี่ก็ไว้กระโปรงท้ายรถเหมือนกันนะ) เล่นเอาเกือบตาย

Tuesday, September 6, 2016

Title

เข้าใจพระพุทธศาสนาภายใน 10 นาที


1. พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร ?
อริยสัจ 4 คือ
  • ทุกข์ คือความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ
  • สมุทัย คือเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์
  • นิโรธ คือความดับทุกข์
  • มรรค คือข้อปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์

2. พระพุทธเจ้าทรงสอนเรื่องอะไร ?
ทุกข์กับการดับทุกข์

3. ภาพรวมของพระพุทธศาสนา มีดังนี้
  1. ให้มองโลกตามความเป็นจริง (จริงขั้นสมมุติ=สมมุติสัจจ์, จริงแท้=ปรมัตถสัจจ์) อาทิ ตัวเรามีอยู่ แต่หาใช่ตัวตนที่แท้จริงไม่
  2. ให้ถือทางสายกลาง ทางตึง (ทรมานกายให้ลำบาก) ก็ดี, ทางหย่อน (ฟุ้งเฟ้อหลงใหล มัวเมา) ก็ดี, มิใช่แนวทางของพระพุทธศาสนา แต่ของพระพุทธศาสนา คือ มรรคมีองค์ 8 ทางสายกลางพอดี ๆ
  3. ให้พึ่งตนเอง มิใช่พึ่งเทวดา โชคชะตาราศี หรือ ดวงดาว ฤกษ์ยาม
  4. ไสยศาสตร์ การบนบานศาลกล่าว อ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การดูฤกษ์ยาม การเจิม ฯลฯ มิใช่พุทธศาสนา
  5. สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย (อิทัปปัจจยตา) มีใช่เกิดขึ้นเองลอย ๆ หรือพรหมลิขิต จะดับทุกข์ได้ต้องดับที่เหตุ
  6. โอวาทที่เป็นหลักเป็นประธาน (โอวาทปาฏิโมกข์) คือ ให้ละชั่ว ทำกุศลให้ถึงพร้อม และทำจิตให้บริสุทธิ์
  7. สิ่งทั้งอยู่ภายใต้กฎของไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง, ทุกขัง, อนัตตา, แม้พระนิพพาน ก็เป็นอนัตตาเช่นกัน หาใช่อัตตาตัวตนไม่
  8. ให้เชื่อในหลักธรรม คือ ทำดี-ได้ดี, ทำชั่ว-ได้ชั่ว. ให้ทำตนอยู่เหนือดี เหนือชั่วนั่นแหละ จึงจะพบนิพพาน (คือเหนือกรรม)
  9. จุดหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา คือนิพพาน (ได้แก่สภาวะจิตที่สงบเย็น ปราศจากทุกข์)
  10. สรุปธรรมทั้งปวง รวมลงในเรื่องเดียว คือ “ความไม่ประมาท”

4. การศึกษาธรรมะ 2 สมัย
  1. สมัยปัจจุบัน คือ รู้จัก กับ รู้จำ อาศัยการฟัง อ่านค้นคว้า จึงมีความรู้อยู่ในสมองและในสมุด พูดธรรมะคล่องแต่ปฏิบัติไม่ค่อยได้ จึงได้ผลน้อย
  2. สมัยพุทธกาล คือ รู้แจ้ง โดยเมื่อฟัง – จำแล้ว ลงมือปฏิบัติ ทำจริงในขณะนั้นทันที เกิดผลเป็นความรู้แจ้งเรื่องชีวิต ดับทุกข์ในขณะนั้นทันที
5. วิธีศึกษาพระพุทธศาสนา
เมื่อแรกพุทธปรินิพานนั้น สิ่งที่พระพุทธองค์ทรงสั่งให้ถือเอาเป็นศาสดาแทนพระองค์ มีเพียง 2 คือ ธรรมและวินัย หลังจากนั้นมา 300 ปี จึงเกิดมีพระไตรปิฎกขึ้น (สุตตันตปิฎก วินัยปิฎก และอภิธรรมปิฎก) บันนี้ล่วงกาลมาถึง 2500 กว่าปี คำสอนเดิม ขั้นปรมัตถ์ค่อย ๆ หายไป หมดไป เกิดมีคำสอนใหม่ ๆ เป็นพุทธศาสนาเนื้องอกจับใส่พระโอษฐ์ ว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นอันมาก ดังนั้นในการศึกษาพระพุทธศาสนาพึงอาศัยหลักดังนี้
  • ด้านปริยัติ (ความรู้เนื้อหา) อ่าน ฟัง คิด วิจัย ให้เข้าใจคือให้ปฏิบัติได้จริง หากสงสัย ให้อาศัยหลักกาลามสูตรเข้าพิจารณาตัดสิน มิใช่เชื่อไปเสียหมด
  • ด้านปฏิบัติ การปฏิบัติทุกอย่างของพระพุทธศาสนาไม่ว่าการทำทานรักษาศีล ภาวนา พระพุทธองค์ทรงสอนให้ ทำเพื่อ “ละกิเลส” มิใช่เพื่อเอาหวังได้นั่นได้นี่ อันทำให้ยิ่งเพิ่ม โลภะ โทสะ โมหะ หาใช่พุทธศาสนาไม่ ทุกวันนี้ไหว้เพื่อเอา เพื่อขอ ทำบุญเพื่อเอาสวรรค์ นิพพาน หวังผลทั้งชาตินี้ชาติหน้า ซึ่งกลายเป็นพอกกิเลสยาวนาน
  • ด้านปฏิเวธ (ผล) ทำเพื่อละ จะพบนิพพาน (จิตบริสุทธิ์ มีความสะอาด สว่าง สงบ) แต่ทำเพื่อเอา จะทำเพื่อเอา จะพบกิเลสในตนพอกพูนยิ่งขึ้น ๆ ยาวนาน และยิ่งมีทุกข์มาก
ดังนั้น จงมุ่งปฏิบัติเพื่อห่างไกลทุกข์โดยส่วนเดียว ให้ได้เห็นผลด้วยตนเอง (สันทิฏฐิโก)

6. จะศึกษาพุทธศาสนาได้ที่ไหน ?
ให้ศึกษาในร่างกายนี้ ที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และมิใช่จะต้องศึกษากับพระ และในวัดวาอารามเท่านั้น จึงศึกษาตนเอง อย่ามัวศึกษานอกตัว หรือมัวติดอยู่แค่พิธีกรรม หรือได้แต่ทำตาม ๆ เขาไป จะเสียทีที่ได้มีโอกาสเกิดมาพบพระพุทธศาสนา ได้ลิ้มรสแค่เปลือกกระพี้ มิได้ชิมรสอันเป็นเนื้อใน อันได้แก่ธรรมรสของความเย็นอกเย็นใจ (นิพพาน)

7. เหตุแห่งทุกข์และการดับทุกข์
เหตุ เกิดจากอุปทาน คือ การเข้าไปยึดถือว่า นี่คือ ตัวตนของเรา นี่ของๆ เรา
การดับ โดยละอุปทานเสีย (โดยพยายามปฏิบัติให้ “เห็นอนัตตา”) เถิด จะโดยบังคับจิตเป็นสมาธิ (เจโตวิมุตติ) หรือโดยพิจารณาธรรมด้วยปัญญา (ปัญญาวิมุตติ) ก็ได้

8. พุทธพจน์ “ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา”
คำว่า “เห็นธรรม” คือ เห็นปฏิจจสมุปบาท คือ วงจรที่ทุกข์เกิด และดับ โดยเริ่มต้นจากอวิชชา จนเกิดทุกข์

9. จุดหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา
คือ นิพพาน (สภาวะจิตที่สงบเย็น) ปราศจากกิเลส เครื่องร้อยรัดทั้งปวง (ชาวบ้านพูดว่า เย็นอก เย็นใจ) หาพบได้ที่ใจตัวเอง

10. สรุป ความทุกข์เกิดที่จิต พึงรักษาจิตให้เป็นประภัสสรไว้เสมอ ระวังการกระทบ (ผัสสะ) ทางตา หู ฯลฯ ให้ดี มีสติรู้ทันว่า…เห็นสักว่าเห็น ได้ยินสักว่าได้ยิน อย่าให้เวทนา ตัณหา เกิดได้ แล้วท่านจะพบ

  • ความสงบเย็นตลอดเวลา
  • ความทุกข์เกิดที่จิต เพราะเห็นผิดเมื่อผัสสะ
  • ความทุกข์จะไม่โผล่ ถ้าไม่โง่เมื่อผัสสะ
  • ความทุกข์เกิดไม่ได้ ถ้าเข้าใจเรื่องผัสสะ



(จากธรรมสมโภช 80 ปี พุทธทาสภิกขุ)

เตือนไว้เลย ห้ามปลูกต้นไม้ 13 ชนิดนี้เพราะจะมีแต่โชคร้ายจะนำภัยมาให้ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

เตือนไว้เลย ห้ามปลูกต้นไม้ 13 ชนิดนี้เพราะจะมีแต่โชคร้ายจะนำภัยมาให้ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

http://www.saradd.com/?p=4703
http://www.saradd.com/?p=4703
ยาว เเต่น่าอ่าน...

โลกเปลี่ยน...คนเป็นครูต้องตีลังกากลับหัวคิดสอนแบบเดิมไม่ได้แล้ว!!!


ท่านสุรินทร์ พิศสุวรรณ
กล่าวไว้เข้าใจเลยว่า...
โลกเปลี่ยน...คนเป็นครูต้องตีลังกากลับหัวคิดสอนแบบเดิมไม่ได้แล้ว!!!
ตรงกับบทความในหนังสือ “This is a กู” ว่า...

โลกกำลังเปลี่ยน ธุรกิจกำลังเปลี่ยน
หลายอย่างตอนนี้ มันตีลังกากลับหัวหมด
กลับหัวจนคนไทยงง และตามไม่ทัน
เมื่อก่อนธุรกิจที่มั่นคง น่าเชื่อถือ
ต้องมีโรงงาน มีสำนักงาน มีบุคคลากรเยอะๆ

แต่สมัยนี้ ยิ่งน้อยยิ่งดี
แต่น้อยอย่างมีประสิทธิภาพ
คนน้อย กำไรเยอะ ค่าตอบแทนสูง
มันกลับหัวไปหมดจากอดีต

Apple ไม่เคยมีโรงงานผลิตของตัวเอง แต่ครองตลาดอันดับ 1 ของโลก เพราะจ้างผลิตล้วนๆ
กำไรเพิ่มขึ้นทุกปี มาร์จิ้นสูงมาก ผลประกอบการดี๊ดี

Facebook , Google มีรายได้มหาศาลจากโฆษณาโดยไม่มีพนักงานขายโฆษณาเลยสักคน เพราะใช้พาร์ทเนอร์ และให้ลูกค้าทำเองได้
กำไรเพิ่มขึ้นทุกปี มาร์จิ้นสูงมาก ผลประกอบการดี๊ดี

วันนี้ไม่เพียงแต่ตัวอย่างข้างต้น  แต่เราจะเห็นโมเดลุรกิจแบบนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เฮ่ย ! นี่เรื่องจริง ไม่ได้ล้อเล่น  ไม่เชื่อคุณดูข้อมูลต่อไปนี้

Uber เป็นบริษัทแท็กซี่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ไม่มีรถของตัวเองสักคน

Alibaba เป็นแหล่งค้าปลีกออนไลน์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก แต่ไม่เคยมีสินค้าและสตอกสินค้าเลยสักชิ้น

และล่าสุด Airbnb ผู้จัดหาห้องพักใหญ่ที่สุดในโลก แต่ไม่มีห้องพักของตัวเองเลยแม้แต่ห้องเดียว

นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น
นี่คือการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจ
โลกกำลังเปลี่ยน ธุรกิจกำลังเปลี่ยน
หลายอย่าง มันตีลังกากลับหัวหมด
คุณตามการเปลี่ยนแปลงทันนะครับ...

"ร้านค้าอยู่บนอากาศ สาขาคือมนุษย์ทุกๆคน"
ชีวิตในอนาคต
โลกนี้จะเปลี่ยนไปอย่างไร?
ชีวิตเราจะเป็นอย่างไร?

ในปี 1998 บริษัทโกดักมีพนักงาน 170,000 คนและมียอดขาย 85% ของกระดาษภาพถ่ายทั่วโลก แต่ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปีรูปแบบธุรกิจของพวกเขาหายไปและต้องประสบกับภาวะล้มละลาย
สิ่งที่เกิดขึ้นกับบริษัทโกดักจะเกิดขึ้นอีกกับอีกหลายอุตสาหกรรมใน 10 ปีข้างหน้า และคนส่วนใหญ่จะยังมองไม่เห็น

จะมีใครในปี 1998 ที่คาดคิดบ้างว่าอีก 3 ปีต่อมาคุณจะไม่ถ่ายภาพบนแผ่นฟิล์มกระดาษอีกต่อไป กล้องดิจิตอลอันแรกที่ถูกคิดค้นขึ้นในปี 1975 มีความละเอียดเพียง 10,000 พิกเซล

ตามกฎของมัวร์ เทคโนโลยีส่วนใหญ่ที่สร้างความผิดหวังในตอนแรกและใช้เวลานานก่อนที่มันจะกลายเป็นความสำเร็จและเป็นวิธีที่ดีกว่าในเวลาอันรวดเร็ว  มันจะเกิดขึ้นเช่นเดียวกันกับปัญญาประดิษฐ์(หุ่นยนต์), สุขภาพ, รถยนต์ไฟฟ้า, ที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติ,การศึกษา, เครื่องพิมพ์ 3 มิติการเกษตรและการจ้างงาน

ขอต้อนรับเข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคที่ 4 และต้อนรับสู่ยุคทวีคูณ
  1. ซอฟแวร์จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมมากที่สุดใน อีก 5-10 ปีข้างหน้า Uber เป็นเพียงซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของรถยนต์ใด ๆ แต่จะกลายเป็นบริษัท รถแท็กซี่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Airbnb จะเป็นบริษัท โรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดินใด ๆเลยคอมพิวเตอร์และปัญญาประดิษฐ์(หุ่นยนต์)จะฉลาดขึ้นเป็นทวีคูณและมีความเข้าใจโลกดีกว่ามนุษย์ ในปีนี้คอมพิวเตอร์สามารถเอาชนะมนุษย์ในการเล่นเกมหมากรุกโกะ ซึ่งเร็วกว่าที่คาดคิดไว้ถึง10 ปี
  2. ในสหรัฐอเมริกา, ทนายความที่จบใหม่เริ่มตกงาน เพราะคอมพิวเตอร์ IBM Watson, สามารถให้คำแนะนำด้านกฎหมาย พื้นฐานได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีและมีความแม่นยำถึง 90% เมื่อเทียบกับมนุษย์ที่มีความแม่นยำเพียง 70% ดังนั้นถ้าคุณกำลังเรียนกฎหมายอยู่ก็เลิกได้เลย เพราะในอนาคต อาชีพทนายจะหายไปกว่า 90% เหลือแต่ผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมายเฉพาะด้านเท่านั้น
  3. ปัจจุบันคอมพิวเตอร์วัตสันได้เข้ามามีส่วนช่วยพยาบาลในการวินิจฉัยโรคมะเร็งได้เร็วและแม่นยำกว่ามนุษย์ถึง 4 เท่า
  4. Facebook ขณะนี้มีซอฟแวร์ในการจดจำรูปแบบใบหน้ามนุษย์ที่เหนือกว่าคน ในปี 2030 คอมพิวเตอร์จะเริ่มฉลาดกว่ามนุษย์
  5. รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติคันแรกจะเผยโฉมต่อสาธารณชนในปี 2018
    • ประมาณปี 2020 อุตสาหกรรมรถยนต์จะล่มสลาย ไม่มีความจำเป็นที่คุณจะต้องมีรถยนต์เป็นส่วนตัวอีกต่อไป เพราะเพียงแค่คุณโทรศัทพ์เรียก รถแท๊กซี่ก็จะมารับคุณในตำแหน่งที่คุณเรียกและส่งคุณไปยังจุดหมายปลายทาง โดยคุณไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าที่จอดรถแต่จ่ายเฉพาะค่ามิเตอร์และยังสามารถทำงานไปด้วยในขณะเดินทางอีก ลูกๆของเราก็ไม่จำเป็นต้องสอบใบขับขี่หรือซื้อรถยนต์
    • ตัวเมืองก็จะเปลี่ยนแปลงไปเพราะรถยนต์จะหายไปจากท้องถนนถึง 90-95% เราสามารถเปลี่ยนพื้นที่จอดรถให้กลายเป็นสวนสาธารณะได้
    • อุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกปีละ 1.2 ล้านคนก็จะลดลง  รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติจะช่วยลดอุบัติเหตุทางจราจรจากหนี่งรายต่อทุก 100,000 กม.เหลือเพียงหนึ่งรายต่อทุก 10 ล้านกม. ซึ่งจะช่วยลดการสูญเสียชีวิตมนุษย์ได้ปีละนับล้านคน
  6. บริษัทรถยนต์ส่วนใหญ่จะประสบกับการล้มละลาย บริษัท รถยนต์ที่อนุรักษ์นิยมจะเพียงแค่พยายามพัฒนารถยนต์ของตนให้ดีขึ้นในขณะที่ บริษัท TECH (Tesla, Apple, Google) จะปฏิวัติการสร้างรถยนต์โดยใส่คอมพิวเตอร์ลงในล้อรถยนต์ ผมคุยกับวิศวกรจากโฟล์คสวาเกนและออดี้; พวกเขากลัวคู่แข่งอย่างเทสลามาก
  7. บริษัท ประกันภัยจะเกิดปัญหาใหญ่เพราะเมื่อไม่มีอุบัติเหตุ, เบี้ยประกันก็จะถูกลง 100 เท่า รูปแบบธุรกิจประกันภัยรถยนต์จะหายไป
  8. อสังหาริมทรัพย์จะมีการเปลี่ยนแปลง เพราะถ้าคุณสามารถทำงานได้ระหว่างการเดินทาง คนก็จะย้ายออกไปอาศัยอยู่ในพื้นที่รอบนอกที่มีทัศนียภาพสวยงามกว่ามากขึ้น
  9. รถยนต์ไฟฟ้าจะกลายเป็นรถยนต์กระแสหลักภายในปี 2020 เมืองก็จะมีเสียงดังหนวกหูลดลงเพราะรถทุกคันจะเป็นรถไฟฟ้า
  10. ราคาค่าไฟฟ้าก็จะถูกลงและเป็นพลังงานสะอาดอย่างเหลือเชื่อ: การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากใน 30 ปีที่ผ่านมา แต่คุณเพิ่งจะเห็นผลกระทบของมัน ปีที่แล้วมีการติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วโลกมากกว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินฟอสซิล ราคาค่าไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์จะถูกลงอย่างมากจนทำให้บริษัทเหมืองแร่ถ่านหินต้องปิดตัวลงในปี 2025
  11. ราคาค่าไฟฟ้าที่ถูกลงจะทำให้มีน้ำราคาถูกและเหลือเฟือจากการเปลี่ยนน้ำทะเลให้กลายเป็นน้ำจืดโดยการใช้กระแสไฟฟ้าเพียง 2kWh ต่อการผลิตน้ำจืดหนึ่งลูกบาศก์เมตร เราจะไม่ขาดแคลนน้ำในสถานที่ส่วนใหญ่อีกต่อไป เพียงแต่อาจขาดแคลนน้ำดื่มเท่านั้น ลองจินตนาการถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นถ้าทุกคนสามารถมีน้ำสะอาดให้ใช้ได้เท่าที่เขาต้องการโดยเกือบจะไม่มีค่าใช้จ่ายเลย
  12. สุขภาพ: ร​​าคา Tricoder X จะมีการประกาศในปีนี้ จะมี บริษัทที่ผลิตเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทำงานได้กับโทรศัพท์ของคุณ (ชื่อ "Tricorder" มาจากภาพยนตร์เรื่อง Star Trek) ซึ่งจะสแกนม่านตาของคุณ พร้อมทั้งตรวจตัวอย่างเลือดและลมหายใจของคุณแล้ววิเคราะห์ ข้อมูลทางชีวภาพ 54 ตัวที่จะบอกโรคได้เกือบทุกชนิดด้วยราคาที่แสนถูก ดังนั้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า มนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ก็จะสามารถเข้าถึงการแพทย์ระดับโลกในราคาที่เกือบฟรี
  13. การพิมพ์ 3 มิติ: ราคาของเครื่องพิมพ์ 3 มิติที่ถูกที่สุดได้ลดลงจาก 18,000 $ มาเป็น400 $ ภายในเวลาเพียง 10 ปีและมีความเร็วขึ้นกว่าเดิม 100 เท่า บริษัทรองเท้าใหญ่ๆได้เริ่มต้นการผลิตรองเท้าด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ รวมถึงในสนามบินที่อยู่ห่างไกลก็เริ่มมีการผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ของเครื่องบินโดยเครื่องพิมพ์ 3 มิติแล้ว สถานีอวกาศในขณะนี้ก็มีเครื่องพิมพ์ 3 มิติสำหรับผลิตชิ้นส่วนอะไหล่เอง เพื่อลดความจำเป็นในการเก็บอะไหล่จำนวนมาก ในปลายปีนี้ สมาร์ทโฟนใหม่จะมีความสามารถในการสแกน 3 มิติ ที่จะทำให้คุณสามารถสแกนเท้าของคุณและพิมพ์รองเท้า 3 มิติที่เหมาะสมกับเท้าของคุณไว้ใส่เองที่บ้าน ได้ ประเทศจีนในขณะนี้มีการสร้างอาคารสำนักงาน 6 ชั้นด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติได้แล้ว ภายในปี 2027 10% ของผลิตภัณฑ์ทุกอย่างจะถูกผลิตโดยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ
  14. โอกาสทางธุรกิจ: ถามตัวคุณเองก่อนว่า "ในอนาคตจะเกิดสิ่งนั้นขึ้นไหม" ถ้าคำตอบคือใช่ คุณจะมีวิธีทำให้มันเกิดขึ้นเร็วกว่านี้ไหม แต่ถ้ามันไม่สามารถจะใช้งานร่วมกับโทรศัพท์ของคุณ ก็จงลืมความคิดนั้นไปได้ เพราะความคิดใด ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อความสำเร็จในศตวรรษที่ 20 จะล้มเหลวในศตวรรษที่ 21
  15. ตำเหน่งงาน: 70-80% ของตำเหน่งงานจะหายไปใน 20 ปีข้างหน้า จะมีงานใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก แต่มันก็อาจจะยังไม่เพียงพอในระยะเวลาที่สั้นเกินไป
  16. การเกษตร: ในอนาคตจะมีหุ่นยนต์ที่ใช้สำหรับการเกษตรราคาถูกเพียงตัวละ 100 $ เกษตรกรในโลกที่ 3 จะทำงานเป็นผู้จัดการแทนที่จะทำงานกลางแดดตลอดทั้งวัน การเกษตรแบบ Aeroponics จะใช้น้ำน้อยมาก
  17. เนื้อลูกวัวที่ผลิตในจานเพาะเลี้ยงเซลและเริ่มมีการขายในขณะนี้จะมีราคาถูกลงกว่าเนื้อลูกวัวจริงภายในปี 2018  ปัจจุบัน 30% ของพื้นที่ทางการเกษตรทั้งหมดใช้สำหรับการเลี้ยงปศุสัตว์ ในอนาคต พื้นที่เหล่านั้นจะไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป
  18. โปรตีนจากแมลงจะมีการวางตลาดในเร็วๆ นี้ มันมีโปรตีนมากกว่าเนื้อสัตว์ และมันจะถูกติดฉลากว่าเป็น "แหล่งโปรตีนทางเลือก" (เนื่องจากคนส่วนใหญ่ยังคงรังเกียจการกินแมลงเป็นอาหาร)
  19. มีแอปที่เรียกว่า "moodies" ซึ่งสามารถบอกอารมณ์ของคุณได้ในปัจจุบัน แต่ภายในปี 2020 จะมีแอปพลิเคชันที่สามารถบอกการแสดงออกทางใบหน้าของคุณว่าคุณกำลังพูดโกหกอยู่ ลองนึกถึงภาพคนดีที่มายืนยันว่า อุปกรณ์ GT 200 ทำงานได้จริง แต่ขณะถูกถ่ายทอด แอปบอกว่าคนคนนี้กำลังตอแหลอยู่
  20. Bitcoin(เหรียญเงินที่ใช้ซื้อขายทางอินเตอร์เน็ต): จะกลายเป็นสกุลเงินกระแสหลักในปีนี้ และอาจจะกลายเป็นสกุลเงินสำรองด้วย
  21. อายุวัฒนะ: ปัจจุบันค่าเฉลี่ยของชีวิตมนุษย์เพิ่มขึ้น 3 เดือนต่อทุกปี  สี่ปีที่แล้วอายุเฉลี่ยของมนุษย์อยู่ที่ 79 ปี ปัจจุบันนี้เพิ่มเป็น 80 ปี ภายในปี 2036 เราทุกคนอาจมีชีวิตยืนยาวไปถึงมากกว่า 100 ปี
  22. การศึกษา: ปัจจุบันราคาสมาร์ทโฟนที่ถูกที่สุดอยู่ที่ 10 $ ในแอฟริกาและเอเชีย ภายในปี 2020 คนในโลก 70% จะมีสมาร์ทโฟนเป็นของตัวเอง ซึ่งหมายความว่าทุกคนจะสามารถเข้าถึงการศึกษาระดับโลกได้ เด็กทุกคนสามารถใช้ Khan Academy สำหรับเรียนรู้ทุกสิ่งที่เด็กในโรงเรียนของประเทศที่เจริญแล้วเรียนได้ ซอฟแวร์นี้ได้เปิดใช้แล้วในประเทศอินโดนีเซียและจะมีเป็นภาษาอาหรับ ภาษาสวาฮิลีและภาษาจีนในฤดูร้อนนี้ สำหรับApp ภาษาอังกฤษจะเปิดให้ใช้ฟรีเพื่อให้เด็กในประเทศแอฟริกาได้เรียนพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องเคล่วภายในเวลาเพียงครึ่งปี


ดังนั้น ผู้เตรียมตัวเผชิญหน้ากับอนาคตจึงจะอยู่รอดและได้ชัยชนะอันยิ่งใหญ่/
(wsmmpf9sdtjuli1)
เอาไปเผยแพร่ให้เป็นประโยชน์ในการรักษาสำหรับ ส.ว. ทั้งหลาย

การรักษาสำหรับ "ส.ว." ทั้งหลาย



  1. กายภาพบําบัดแก้ไหล่ติด....
  2. แก้ปวดเข่าด้านนอก..www.facebook.com/lekgoong/posts/915695918451117
  3. แก้เข่าโก่ง ปวดเข่า เดินแบะขา ...www.facebook.com/lekgoong/posts/915478511806191
  4. ขยับพังผืดเกาะก้นกบ แถวกระเบนเหน็บ ..www.facebook.com/lekgoong/posts/915342335153142
  5. ปวดหลัง หมอนรองกระดูกเสื่อม อัมพฤกษ์ อัมพาต หายโดยไม่ต้องกินยา ....www.facebook.com/groups/synpolitician/permalink/715952228521641
  6. บริหารกล้ามเนื้อแก้ปวดคอ ชลอโรคความจําเสื่อม ...www.facebook.com/lekgoong/posts/914872838533425
  7. แก้ขาชา ขาไม่มีกําลัง ...www.facebook.com/lekgoong/posts/914367925250583
  8. หมอนรองกระดูกทับเส้น แก้หลังคดส่วนล่าง .....www.facebook.com/lekgoong/posts/914026725284703
  9. แก้เข่าติด แก้หินปูนเกาะเส้นที่เข่า ..www.facebook.com/lekgoong/posts/913021615385214
  10. แก้นิ้วโป้งล๊อค ..www.facebook.com/lekgoong/posts/912887195398656
  11. ป้องกันเข่าเสื่อมด้วยตัวเอง ...www.facebook.com/lekgoong/posts/909474045739971


มีใครหาที่ทิ้งคอมหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าอยู่รึเปล่า?

มีใครหาที่ทิ้งคอมหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าอยู่รึเปล่า? แนะนำมาที่นี่เลยฮะ มาช่วยกันเปลี่ยนคอมและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เสียแล้วเป็นทุนสนับสนุนคนพิการกัน เราไปมาแล้ววันนี้ ท่านนายกสมาคมใจดีมาก อธิบายละเอียดเลยว่าอะไรเอาไปแยกรีไซเคิลแบบไหน นอกจากได้ทุนสนับสนุนแล้วยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยน้า

รับบริจาคทั้งอุปกรณ์คอม อุปกรณ์ต่อพ่วง เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เสียทุกชนิด (อะไรก็ได้ที่เสียปลั๊กได้อะรับหมดเลย) เพื่อนำไปแยกชิ้นส่วนรีไซเคิล แปลงเป็นเงินช่วยเหลือคนพิการ

รับบริจาคตลอดทั้งปีจ้ะ (เปิดจันทร์-เสาร์)
FB: สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล
http://www.apdi2002.com
โทรศัพท์
02-990-0331
085-120-6235
081-735-2316
http://www.apdi2002.com
Title

สารทจีน


ความหมายของคำว่าสารท

สารทเป็นคำที่มาจากภาษาอินเดีย แปลว่า ฤดู ซึ่งฤดูสารทนี้เป็นฤดูที่ต้นไม้เริ่มออกผล เมื่อถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยว ผู้ที่ต้องการให้พืชพันธุ์ธัญญาหารของตนเจริญงอกงามดี ก็ได้นำพืชพันธุ์เหล่านั้นไปถวายสิ่งที่ตนนับถือ ซึ่งประเทศต่างๆ นั้นก็นิยมทำเมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวเช่น ในประเทศจีน เมื่อมีการเก็บเกี่ยวผลิตผลในครั้งแรกนั้นประเพณีนิยมที่ต้องนำผลไม้ที่เก็บเกี่ยวในครั้งแรกนี้ ถวายสักการะแด่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพบูชา รวมทั้งบรรพบุรุษต้นตระกูล ทั้งนี้เพื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นจะได้ดลบันดาลให้พืชผลเจริญงอกงามดี แม้แต่ในประเทศแถบตอนเหนือของยุโรป ก็มีหลักฐานปรากฏว่ามีการนำพืชพันธุ์ธัญญาหารไปถวาย เพื่อให้ผลิตผลอุดมสมบูรณ์เช่นกัน

ส่วนในประเทศไทยประเพณีการทำบุญวันสารท(แรม ๑๕ ค่ำเดือน๑๐ จันทรคติ) เป็นพิธีกรรมที่มีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ตามที่ปรากฏหลักฐานในหนังสือของนางนพมาศ เนื่องจากศาสนาพราหมณ์เผยแพร่เข้ามาในประเทศไทย คนไทยจึงรับประเพณีนี้มาจากศาสนาพราหมณ์ด้วย

การทำบุญสารทนั้นไม่ได้มาจากศาสนาใด เพียงแต่เป็นการทำบุญเพื่อส่งเสริมขวัญกำลังใจแก่เกษตรกรผู้ปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหาร เพื่อให้พืชพันธุ์มีความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นไป อีกทั้งการทำบุญมิใช่เรื่องเสียหายหรือแปลกประหลาดแต่ประการใด การทำบุญสารทนั้นด้วยเหตุว่าเป็นฤดูกาลแห่งการเก็บเกี่ยว จึงถือโอกาสทำบุญทำทานให้เป็นของขวัญแก่ไร่นาของตนเท่านั้น ต่อมาประเพณีสารทได้เปลี่ยนความเชื่อถือไปตามกาลเวลาและความเชื่อตามท้องถิ่นของตน บางแห่งเชื่อว่าเป็นการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว บางแห่งก็เป็นประเพณีการทำบุญเนื่องจากว่างจากภารกิจไร่นาจึงถือโอกาสทำบุญครั้งใหญ่เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และครอบครัว เป็นต้น

ส่วนสารทจีนนั้น อาจารย์สันนิษฐานว่าน่าจะนำคำว่าสารทที่คุ้นชินในการทำบุญเดิมในช่วงแรม๑๕ค่ำเดือน๑๐ ของไทย มารวมกับ วันที่ ๑๕ เดือน ๗ ทางจันทรคติ ของจีน ที่เชื่อกันว่าเป็นวันที่นรกเปิดโอกาสให้วิญญาณทั้งหลายขึ้นมารับส่วนบุญที่ญาติได้ทำการเซ่นไหว้ให้ ในช่วงเช้า อีกทั้งส่วนวิญญาณที่ไม่มีญาติ ก็จะมีการเซ่นไหว้ให้แยกต่างหากในตอนบ่ายของวันนั้น

ดังนั้นในวันสารทจีน จะมีการไหว้ดังนี้
  1. ไหว้เจ้าที่ (ขอแสดงความเคารพ)
  2. ไหว้ บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว (ขอแสดงความกตัญญู)
  3. ไหว้ วิญญาณไร้ญาติ (เมตตาและกรุณา ให้ทาน)


ทั้งนี้ตามความเชื่อของจีนโบราณ จะถือว่าเดือน ๗ เป็นเดือนแห่งการปล่อยผีขึ้นมารับส่วนบุญบนโลกมนุษย์ จึงไม่ควรประกอบพิธีมงคลหรือทำกิจกรรมที่เป็นการเสี่ยงในช่วงเดือนนี้ เช่น
  • ไม่จัดทำพิธีมงคลสมรส
  • ไม่ซื้อ บ้าน รถ ใหม่
  • ไม่เร่ิมงานก่อสร้าง
  • ไม่ท่องเที่ยวต่างถิ่นแดนไกล
  • ไม่อยู่นอกอาคารสถานที่ช่วงเวลา สามทุ่มถึงตีห้า
  • ไม่ว่ายน้ำ เดินทางทางน้ำ ตอนกลางคืน
และในวันนี้ ไม่ใช่วันมงคล จึงไม่ควรให้พรกันในวันสารทจีน(เห็นในline มีการส่งคำอวยพร)

ดังนั้นในวันนี้จึงเป็นวันสามัคคีของลูกหลานที่มาพบปะกัน ไหว้บรรพบุรุษร่วมกัน ทานอาหารร่วมกัน และทำทานให้ผู้ยากไร้ ถือว่าเป็นประเพณีที่ดี ที่นับวันจะเสื่อมถอยตามกาลเวลา ตามความคิดที่มุ่งเน้นแต่การหาประโยชน์เพื่อส่วนตนฝ่ายเดียว ไม่ค่อยคำนึงถึงรากเหง้าต้นกำเนิด ตามสภาวะเศรษฐกิจ และความเชื่อความเข้าใจของแต่ละบุคคล


อ. วันชัย รวยอารี
๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๙

Title

Work Life Integration

วิถีชีวิต...ของคนออฟฟิศยุคหน้า

...
คนออฟฟิศยุคหน้า...จะไม่มีออฟฟิศ.
.
ผมสังเกตมาสัก 4 ปีได้แล้ว.. เพราะตัวเองทำงานออนไลน์ ต้องมีความเร็วสูงกว่าหน่วยงานอื่น เลยได้เห็นว่า
"คน...อายุยืนขึ้น
ธุรกิจ...อายุสั้นลง"
จริงอย่างที่คุณธนินทร์ เจียรวนนท์ กล่าวไว้
.
.
และได้อ่าน... ผ่าน ..และเห็นลักษณะสำคัญ ... ของอนาคต 4 อย่าง คือ
.
.

1/4 สถานที่ไม่มีขอบเขต

ความได้เปรียบเชิงที่ตั้ง ใกล้/ไกล เริ่มน้อยลงๆ หรือสั้นลงๆ
สั่งปูม้าหน้าชายหาด ...มาให้ฟาดถึงตัว ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
ผมยิง email เมล์ จากฮ่องกง ทำกราฟฟิกจากอินโด ... เพราะถูกกว่าประเทศไทย
.
.

2/4 เวลาไม่มีขอบเขต

การทำงาน.. การสอบ .. หรือ การใดๆ ก็ตาม เริ่มจะไม่เป็นเวลา... เราใช้เวลาปะปนกันมากขึ้น
เมื่อก่อนร้านปิดสามทุ่ม .. อด
เด๋วนี้อาจสั่งให้มาส่งรอบดึก ... ได้
.
.
คู่แข่งคุณอาจใช้เวลาเที่ยงคืน Conference Call กับโรงงานที่เยอรมัน .. ส่งเมล์ให้ลูกค้าตอนตีสอง .. แล้วค่อยนอน
ในขณะที่คุณ.. อาจต้องรอลูกน้อง มาถึงออฟฟิศตอนเช้า .. บ่ายถึงจะได้คำตอบ
เรื่องนี้คนทำงานหลายประเทศ .. เขาเจอนานแล้ว
คนไทยทั่วไปกำลังจะได้เจอ
.
.
.

3/4 ยั่งยืนเหลือน้อยลง

ไม่ต้องอธิบาย...ดู Ensogo, Nokia, ดูราคาน้ำมัน...ราคาหุ้นพลังงาน หรืออาจจะกระทั่ง Toyota ในอนาคต
และต่อไปจะเห็นยักษ์ใหญ่หดลงๆ และมีบริการเล็กๆ จำนวนมาก เกิดมาแทน
(ไม่ต้องห่วงว่า ยักษ์ใหญ่จะโดนโค่นหรอก) .. ห่วงตัวเองดีกว่า
.
.
.

4/4 คอมพิวเตอร์ฉลาดเป็นกรด...

คุณรู้หรือเปล่าว่า... ตอนนี้มีบริษัท “เล็กๆ” ในเยอรมัน
ทำ App มือถือขำๆ ...สำหรับ “ทำบัญชี”

เราแค่ “ถ่ายรูปใบเสร็จ” ผ่านแอพ .. มันจะอ่านตัวหนังสือในบิล ...แล้ว “ลงบัญชีแยกประเภท” ให้อัตโนมัติ ..
เสร็จแล้วพิมพ์รายงานได้ด้วย ..
..
นักบัญชี.. เหลือที่ให้แค่ .. ตรวจทานดู
.
.
แน่นอนว่า...4 อย่างนี้...เกิดขึ้นกับระดับบุคคลด้วย ... ไม่ใช่แค่กับระดับธุรกิจ



คำถามคือ...

เราจะรับมือเรื่องนี้ยังไง?

ที่ผ่านมาผมได้ร่วมงานกับคนที่เก่ง เก่งมากๆ ระดับโปเกม่อนในตำนาน .. คนพวกนี้ขายเวลาเป็นชั่วโมง
มาประชุมร่วมกัน ... จ่ายเป็นชั่วโมง
นั่งทำข้อมูลให้...จ่ายเป็นชั่วโมง
ไปขายของให้...จ่ายเป็นชั่วโมง
.
.
ตัดเวลาประชุมนั่งหาว .. ตัดเวลาสูบบุหรี่เม้าท์มอย .. เหลือแค่เวลางานล้วนๆ
ไปเที่ยวฮ่องกง แต่ตอบเมล์และประชุมงานได้ .. ย่อมดีกว่า อยู่กรุงเทพ แต่ตามตัวไม่ได้
อย่าลืมนะว่า... ดวงจันทร์ อยู่ใกล้ไทยกว่าอเมริกา
.
.
พวกคนเก่งๆเหล่านี้ เขารู้ว่าความสามารถของเขานั้น มีราคามากกว่า จะมาเหมาซื้อเป็นเดือน .. เขาจึงซอยเวลาขายเป็นส่วนๆ .. ทำงานแค่ 30% ก็ได้รายได้พอๆ กับนั่งรอรับเงินเดือนทั้งเดือน
.
.
Concept นี้ไม่เหมือนกับ Work from home, งาน Consult หรือฟรีแลนซ์ รับเป็นครั้งๆ นะครับ
พวกนี้ทำงานเป็น Contract Staff กับหลายบริษัท .. ทำงานเหมือนพนักงานประจำ .. แต่ทำหลายๆ ค่ายพร้อมๆ กัน .. รับเงินหลายๆ ทาง อย่างต่อเนื่อง
.
.
เคล็ดลับมี 2 อย่าง:
อย่างแรกคือ “เทคโนโลยี” การสื่อสาร

  • Google Doc เอาไว้ส่งงาน
  • Facebook call เอาไว้ประชุมทางไกล
  • Dropbox เอาไว้เซฟไฟล์
  • Trello, Asana เอาไว้นัดทำงานร่วมกัน

ทั้งหมดนี้... ชดเชยวงจิ้มมะม่วงสามัคคีไม่ได้ .. แต่ชดเชยการนั่งแช่ แค่ 8 ชั่วโมงได้
คุณนึกภาพออกไหม???
.
.
อีกอย่างหนึ่ง คือ วินัย
ตื่นสิบโมง...ลงมาให้ข้าวหมา .. เที่ยงตรงส่งเมล์งาน ... บ่ายนั่งอ่านข่าว .. บ่ายสามไปดูหนัง... ห้าโมงพร้อมประชุม .. สองทุ่มอยู่ฟิตเน็ต ... วิ่งเสร็จ มาสรุปรีพอร์ต
เวลาทุกช่วง... มีค่า ... มีวินัย
คุณนึกภาพออกไหม???
.
.
.
สิ่งนี้เรียกว่า "Work Life Integration" .. วิถีของคนเก่งๆ ที่ใช้วินัยและเทคโนโลยี .. มาปลดพันธนาการ ของเวลางาน 8 ชั่วโมง .. ได้ทั้งอิสระและประสิทธิภาพ
และพฤติกรรมแบบนี้ ...
มันดันสอดคล้องคลื่น 4 ด้าน
เวลา, สถานที่, ยั่งยืน และปัญญาประดิษฐ์
เพราะคนกลุ่มนี้ ... มีทักษะหลายด้าน .. มีความทนทานต่อการเปลี่ยนแปลง
และที่สำคัญ ... รายได้มากกว่าค่าเฉลี่ย 3-4 เท่า
.
.
สรุปก็คือ .. ถ้าคุณเจอความเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวัน จะไม่มีความเปลี่ยนแปลงใด ... ทำอันตรายคุณได้



คำถามที่สอง

เราต้องฝึกทักษะอะไรบ้าง?

หลายสำนักสรุปเอาไว้หลายอย่าง .. แต่หยิบเอาของ Forbes มา เพราะมีแค่ 5 ข้อ และเพิ่งออกมาเมื่อต้นปี ดังนี้ (Ref ในเม้นท์ 2)

  • Perspective Taking มองผู้อื่นออก ประเมินเขาด้วยสายตาได้
  • Pain Spotting มองเห็นความลำบากที่ซ่อนอยู่ได้
  • Story Telling เป็นผู้เล่าและโน้มน้าวเก่ง
  • Interviewing เป็นผู้ฟังและรีดความจริงได้เก่ง
  • Connect the Dot มองหลายๆ อย่างแล้วเห็นภาพรวมได้

ผมตั้งข้อสังเกตว่า .. ทักษะสำคัญในโลกอันใกล้ ที่คอมพิวเตอร์จะชดเชยไม่ได้ มีอยู่ 2 สิ่ง คือ
สิ่งแรก คือ ทักษะกับคน (มีถึง 3ใน 5 ข้อ)
อีกทักษะนึง คือ การจินตนาการ .. ที่ทรงพลัง
.
.

มันยาวมากแล้ว
อยากรู้ไปอ่านต่อเองแล้วกัน
อ่านแล้วเลิกมาเถียงกัน เรื่องจะ Balance หรือไม่
.
.
.
...มันไม่ได้สำคัญอะไรเลย...
จาก Parin Parinest Songpracha

โดนเลย ไม่ต้องไปดูดวงแล้ว

โดนเลย ไม่ต้องไปดูดวงแล้ว
ขอบคุณ ซินแสหวาง

กรุณากดแชร์ต่อ เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้สนใจศาสตร์ดวงจีน

สรุปอุปนิสัยของคนปีเกิด 12 นักษัตร และ 5 ธาตุ

สรุป การสอนวิธีดูอุปนิสัย ในแต่ละปีเกิด ของแต่ละคน เพื่อเราจะได้ทราบว่า เพื่อนเรา แฟนเรา ลูกน้องเรา แต่ละคนเป็นคนเช่นไร เข้ากับเราได้หรือไม่ ?

วิธีดู : กดเข้าไปดูในลิงค์เวปของแต่ละปี ด้านข้าง

ปีชวด : http://goo.gl/fA8bYu
  • ปี 2503 (หนูทอง),
  • ปี 2515 (หนูน้ำ),
  • ปี 2527 (หนูไม้),
  • ปี 2539 (หนูไฟ),
  • ปี 2551 (หนูดิน)
ปีฉลู : http://goo.gl/C6RCgS
  • ปี 2504 (วัวทอง),
  • ปี 2516 (วัวน้ำ),
  • ปี 2528 (วัวไม้),
  • ปี 2540 (วัวไฟ),
  • ปี 2552 (วัวดิน)
ปีขาล : http://goo.gl/7Yy91f
  • ปี 2505 (เสือน้ำ),
  • ปี 2517 (เสือไม้),
  • ปี 2529 (เสือไฟ),
  • ปี 2541 (เสือดิน),
  • ปี 2553 (เสือทอง)
ปีเถาะ : http://goo.gl/p0yvdg
  • ปี 2506 (กระต่ายน้ำ),
  • ปี 2518 (กระต่ายไม้),
  • ปี 2530 (กระต่ายไฟ),
  • ปี 2542 (กระต่ายดิน),
  • ปี 2554 (กระต่ายทอง)
ปีมะโรง : http://goo.gl/VMHyXE
  • ปี 2507 (มังกรไม้),
  • ปี 2519 (มังกรไฟ),
  • ปี 2531 (มังกรดิน),
  • ปี 2543 (มังกรทอง),
  • ปี 2555 (มังกรน้ำ)
ปีมะเส็ง : http://goo.gl/x2eTGK
  • ปี 2508 (งูไม้),
  • ปี 2520 (งูไฟ),
  • ปี 2532 (งูดิน),
  • ปี 2544 (งูทอง),
  • ปี 2556 (งูน้ำ)
ปีมะเมีย : http://goo.gl/li8VHh
  • ปี 2509 (ม้าไฟ),
  • ปี 2521 (ม้าดิน),
  • ปี 2533 (ม้าทอง),
  • ปี 2545 (ม้าน้ำ),
  • ปี 2557 (ม้าไม้)
ปีมะแม : http://goo.gl/IkToUV
  • ปี 2510 (แพะไฟ),
  • ปี 2522 (แพะดิน),
  • ปี 2534 (แพะทอง),
  • ปี 2546 (แพะน้ำ),
  • ปี 2558 (แพะไม้)
ปีวอก : http://goo.gl/Q6xQiJ
  • ปี 2511 (ลิงดิน),
  • ปี 2523 (ลิงทอง),
  • ปี 2535 (ลิงน้ำ),
  • ปี 2547 (ลิงไม้),
  • ปี 2559 (ลิงไฟ)
ปีระกา : http://goo.gl/Owhf6Q
  • ปี 2512 (ไก่ดิน),
  • ปี 2524 (ไก่ทอง),
  • ปี 2536 (ไก่น้ำ),
  • ปี 2548 (ไก่ไม้),
  • ปี 2560 (ไก่ไฟ)
ปีจอ : http://goo.gl/MI9m74
  • ปี 2513 (หมาทอง),
  • ปี 2525 (หมาน้ำ),
  • ปี 2537 (หมาไม้),
  • ปี 2549 (หมาไฟ),
  • ปี 2561 (หมาดิน)
ปีกุน : http://goo.gl/0Z8NOJ
  • ปี 2514 (หมูทอง),
  • ปี 2526 (หมูน้ำ),
  • ปี 2538 (หมูไม้),
  • ปี 2550 (หมูไฟ),
  • ปี 2562 (หมูดิน)

**หมายเหตุ : ปีปฎิทินจีน ต่างจากไทย ให้นับวันตรุษจีนเป็นหลัก

ลองอ่านดูนะ

ลองอ่านดูนะ
แปลจากบทความที่มีความหมายดีค่ะ

ความสุขบนรอยบิ่น

ครอบครัวเรามีพี่น้องสี่คน เราเป็นคนที่สาม พวกเราพี่น้องรักกันมาก เพราะพ่อแม่ปลูกฝังให้พวกกันรู้รักสามัคคีตั้งแต่เล็ก เราไม่ใช่ครอบครัวที่ร่ำรวย แต่คุณพ่อก็พยายามทำงานหนักเพื่อครอบครัว คุณแม่ดูแลทุกอย่างในบ้านอย่างมีระเบียบให้น่าอยู่ ฝีมือทำอาหารนี่เกินคำบรรยาย แม้พวกเราไม่เคยมีโอกาสไปชิมอาหารตามภัตตาคารหรู แต่เชื่อมั่นว่าฝีมือคุณแม่ไม่มีแพ้พวกเขา บ้านเราไม่ได้มีข้าวของเครื่องใช้ที่แพงนักหนา จะดีหน่อยก็จะเป็นชุดจานชามชุดใหญ่ที่เราใช้กันทุกมื้อ นั่นเพราะคุณแม่ต้องการให้พวกเราฝึกและคุ้นเคยกับมารยาทบนโต๊ะอาหาร จานชามชุดนี้แหละที่น่าจะหรูสุดในบ้านแล้ว

วันหนึ่งตอนที่คุณแม่กำลังเสริฟมันฝรั่งต้มใส่จาน เรายกจานเร็วไปหน่อยจนจานไปกระทบจานของพี่สาว ทำให้จานเราบิ่นไปเล็กน้อย เราใจเสียขึ้นมาทันที เพราะจานชามชุดนี้เราต้องใช้ร่วมกันหกคนทุกครั้ง แต่คุณแม่ก็ไม่ได้ดุว่าตำหนิเรา เพียงบอกว่าบิ่นนิดนึงยังใช้การได้ แต่เตือนเราว่าวันหลังให้ระวัง

หลังจากนั้น พอทุกครั้งที่ใครได้รับจานใบนี้ ก็จะบ่นเป็นเชิงหยอกล้อว่าวันนี้โชคร้ายจัง เราไม่สบายใจ มันเหมือนตอกย้ำความสะเพร่าของเราครั้งแล้วครั้งเล่า วันนี้น้องเราก็ได้จานใบนี้ แกเบ้ปากทำท่าจะเริ่มบ่น อยู่ๆ คุณพ่อก็ประกาศว่า จากนี้ไปถ้าใครได้รับจานบิ่นใบนี้ ทุกคนต้องไปหอมแก้มเขา ว่าแล้วคุณพ่อก็เข้าไปหอมแก้มน้องเป็นคนแรก แล้วทุกคนก็ทำตาม น้องยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้รับความรักมากมายขนาดนี้

หลังจากวันนั้น ใครได้จานใบนั้นกลายเป็นสิ่งที่มีความสุข และถ้าวันไหนใครแบกความทุกข์เข้าบ้าน พวกเราก็จะจงใจวางจานใบนั้นข้างหน้าเขา แล้วทุกคนก็จะไปรุมหอมเขาพร้อมรอยยิ้ม ความทุกข์ความเศร้าหมองทั้งหลายก็แทบจะมลายหายไปในชั่วพริบตา

จานชามชุดนั้นสุดท้ายก็ต้องโละทิ้งตามสภาพและกาลเวลา ฐานะบ้านเราค่อยๆ ดีขึ้น เดี๋ยวนี้บ้านเรามีจานชามมากกว่าหนึ่งชุดแล้ว แต่เรามักจะระลึกถึงบรรยากาศของการโอบกอดหอมแก้มกันอยู่เสมอ
หลายปีผ่านไป วันหนึ่งเราไปทานข้าวที่ภัตตาคารพร้อมกัน ตอนบริกรเอาจานมาเสริฟ พวกเราสังเกตุเห็นว่า จานตรงข้างหน้าคุณพ่อมีรอยบิ่นเล็กๆ แทนที่เราจะเรียกให้บริกรเปลี่ยนจาน แต่เปล่า พวกเราทุกคนลุกขึ้นแล้วเดินไปหอมแก้มและโอบกอดคุณพ่ออย่างมีความสุข

*****

รอยบิ่นแท้จริงแล้วคือจุดบกพร่อง แต่มันกลับกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความสุขของเรา ทุกวันนี้แม้เราจะเจอสิ่งเลวร้ายขนาดไหน แต่เราก็สามารถเอาอีกมุมมองหนึ่งมาสยบความรู้สึกที่ไม่ดีออกไป

ขอบคุณคุณพ่อมากๆ ที่สอนให้เรารู้จักวิธีการมองต่างมุม เพื่อค้นหาความหมายใหม่ๆ ที่มีคุณค่ามากยิ่งๆ ขึ้น

ทุกสิ่งล้วนมีสองมุมมอง จะมองในแง่บวกหรือแง่ลบก็อยู่ที่ใจเรา หากมัวแต่มองด้านลบ เราคงสลัดปัญหาและความเศร้าหมองไม่พ้น แต่ถ้าฉลาดพอที่จะมองในแง่บวก ปัญหาต่างๆ น่าจะกลายเป็นเรื่องง่ายที่จะแก้ไข

เป็นเพราะคุณพ่อสอนให้เรารู้จักความหมายที่มีคุณค่าจากเหตุการณ์จานใบนั้น ยิ่งทำให้ครอบครัวเราเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและความสุขทุกคืนวัน



ขจรศักดิ์
แปลและเรียบเรียง
3/9/16

ลองจินตนาการว่าคุณนั่งอยู่ในร้านอาหาร อยู่ๆ ก็มีแมลงสาบจากซอกหลืบไหนสักแห่งบินมาเกาะที่ผู้หญิงคนหนึ่ง...

ลองจินตนาการว่าคุณนั่งอยู่ในร้านอาหาร อยู่ๆ ก็มีแมลงสาบจากซอกหลืบไหนสักแห่งบินมาเกาะที่ผู้หญิงคนหนึ่ง เธอจึงเริ่มกรีดร้องทันทีที่เห็นมัน

หลังจากนั้นเธอก็เริ่มกระโดดโลดเต้น หวังว่าแมลงสาบตัวนั้นมันจะเลิกเกาะติดเธอเสียที มือทั้งสองข้างก็พยายามปัดมันออก แต่แมลงสาบเจ้ากรรมดันอยู่นิ่งๆ ซะอย่างนั้น

ปฏิกิริยาของผู้หญิงคนนั้นเริ่มทำให้ทุกคนที่นั่งร่วมโต๊ะกับเธอต้องประสาทเสียไปด้วย

และในที่สุด แมลงสาบตัวนั้นมันก็บินออกไปจากเธอ

แต่ลงไปจอดที่ไหล่ของผู้หญิงอีกคนในกลุ่ม แล้วผู้หญิงคนนั้นก็เต้นแร้งเต้นกาเหมือนผู้หญิงคนแรกไม่มีผิด ความโกลาหลมาเยือนโต๊ะนั้นทันที

เมื่อเด็กเสิร์ฟสังเกตเห็น เขาเคลื่อนที่เข้ามาอย่างรวดเร็วเพื่อหวังจะระงับเหตุการณ์ พอดีกับที่แมลงสาบเจ้าปัญหามันบินมาเกาะที่ผ้ากันเปื้อนของเขาพอดี

แต่แทนที่จะสะบัดผ้าออก เขากลับยืนนิ่ง และคอยสังเกตการเคลื่อนที่ของแมลงสาบตัวนั้น ซึ่งมันกำลังค่อยๆ เดินขึ้นมาบนเสื้อเชิ้ตของเขา

จนกระทั่งเริ่มจับทิศทางการเดินของมันได้ เขาจึงคว้ามันไว้ และขว้างออกไปที่นอกร้านอาหาร

คำถามที่น่าสนใจคือ “แมลงสาบ” คือต้นตอของความโกลาหลหรือเปล่า?

ถ้าใช่ ทำไมเด็กเสิร์ฟจึงยืนนิ่งๆ และสามารถจัดการกับมันได้อย่างละมุนละม่อม

นั่นก็เป็นเพราะว่ามันไม่เกี่ยวกับแมลงสาบ มันคือความสามารถในการรับมือกับสิ่งที่เข้ามารบกวน ซึ่งในที่นี้ก็คือแมลงสาบ

เทียบกับเหตุการณ์ในชีวิตจริง มีหลายๆ อย่างที่ทำให้เราหัวเสีย เช่น เสียงบ่นของคนรอบตัว หรือเสียงก่นด่าของเจ้านาย ซึ่งจริงๆ แล้วเราเองต่างหากที่เลือกได้ว่าจะรู้สึกอย่างไรกับสิ่งเหล่านั้น ถ้าเราหงุดหงิดกับมัน นั่นก็เป็นเพราะเราเลือกเอง ไม่ใช่เพราะสิ่งเหล่านั้นทำให้เรารู้สึกแย่

มันไม่ใช่รถที่ติดอยู่บนท้องถนนที่ทำให้เราอารมณ์เสีย แต่เป็นความสามารถในการรับมือของเราเองต่างหากที่ทำให้เราหัวเสียกับมัน

มันคือปฏิกิริยาของเราที่มีต่อปัญหาต่างหากที่สร้างความโกลาหลให้กับชีวิตของเรา และสิ่งที่ Sundra เรียนรู้จากเรื่องนี้คือ เขาเข้าใจว่าควรมีปฏิกริยากับปัญหาต่างๆ ในชีวิตอย่างไร

เขาจะรับผิดชอบกับมัน ไม่ใช่แค่ react แต่เป็น respond

สองอย่างนี้ไม่เหมือนกัน เพราะ reaction มาจากสัญชาตญาณ ในขณะที่ response มาจากการคิดใคร่ครวญเป็นอย่างดี เพื่อควบคุมสถานการณ์ไม่ให้บานปลายเกินรับมือ เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้อะไรๆ มันแย่ลง เพื่อป้องกันการตัดสินใจผิดพลาดเพราะความโกรธ ความกังวล ความเครียด หรือความรีบเร่ง

นั่นคือวิธีการที่ดีที่สุดในการทำความเข้าใจชีวิต
.....

http://thumbsup.in.th/2015/08/cockroach-theory-that-will-teach-you-a-thing-or-two-about-life/